1. ทำอย่างไร ที่องค์กรธุรกิจสามารถที่จะใช้เครือข่ายระหว่างองค์กร ในการจัดเก็บ เข้าถึงและแจกจ่ายข้อมูล สารสนเทศ ไปยังหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอก
ตอบ ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ ในการบำรุงรักษาฐานข้อมูล ระเบียนหรือออบเจ็กต์ที่มีการเพิ่ม ลบ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจากรายการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ข้อมูลต้องเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้สารสนเทศถูกผลิตเพื่อตอบโต้กับคำร้องขอของผู้ใช้
2. อะไรคือบทบาทของการจัดการฐานข้อมูล การบริหารฐานข้อมูล และการวางแผนที่จะใช้ข้อมูลมาเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ
ตอบ - การจัดการฐานข้อมูลเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่จำเป็นในการจัดการเหมือนกับทรัพย์สินอื่นๆ ของธุรกิจ องค์กรต้องมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
- การบริหารฐานข้อมูล เป็นหน้าที่สำคัญของการจัดการทรัพยากรข้อมูลอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดตั้งและบังคับใช้นโยบายและกระบวนคำสั่งสำหรับการจัดการข้อมูล
- การวางแผนข้อมูล เป็นการวางแผนขององค์กรและการวิเคราะห์หน้าที่ที่เน้นในเรื่องการจัดการทรัพยากรข้อมูล
3. อะไรคือประโยชน์ของแนวคิดในการรวบรวมฐานข้อมูล การเข้าถึง และการจัดการทรัพยากรฐานข้อมูล จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ คือ เป็นส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูลให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่ายมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล ในการบำรุงรักษาฐานข้อมูลและการจัดการทรัพยากรข้อมูลที่เป็นระบบ
4. อะไรคือบทบาทของระบบสารสนเทศในการจัดการระบบฐานข้อมูล
ตอบ รวบรวมระเบียนระเบียนและออบเจ็กต์ ให้เป็นฐานข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้โดยโปรแกรมประยุกต์ เรียก ระบบจัดการฐานข้อมูล ทำหน้าที่เป็นส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล ที่ช่วยผู้ใช้ให้เข้าถึงระเบียนในฐานข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
5. ฐานข้อมูลสารสนเทศนั้น เป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการปฏิบัติการภายในองค์กร ให้พิจารณาว่า ยังมีฐานข้อมูลประเภทใดอีกที่มีความสำคัญในธุรกิจปัจจุบัน
ตอบ โปรแกรมฐานข้อมูลที่นิยมใช้
- โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นโปรแกรมหรือซอฟแวร์ที่ช่วยจัดการข้อมูลหรือรายการต่าง ๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ การเรียกใช้ การปรับปรุงข้อมูล
-โปรแกรมฐานข้อมูล จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโปรแกรมฐานข้อมมูลที่นิยมใช้มีอยู่ด้วยกันหลายตัว เช่น Access, FoxPro, Clipper, dBase, FoxBase, Oracle, SQL เป็นต้น โดยแต่ละโปรแกรมจะมีความสามารถต่างกัน บางโปรแกรมใช้ง่ายแต่จะจำกัดขอบเขตการใช้งาน บ่งโปรแกรมใช้งานยากกว่า แต่จะมีความสามารถในการทำงานมากกว่า
-โปรแกรม Access นับเป็นโปรแกรมที่นิยมใช้กันมากในขณะนี้ โดยเฉพาะในระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถสร้างแบบฟอร์มที่ต้องการจะเรียกดูข้อมูลในฐานข้อมูล หลังจากบันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะสามารถค้นหาหรือเรียกดูข้อมูลจากเขตข้อมูลใดก็ได้ นอกจากนี้ Access ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยการกำหนดรหัสผ่านเพื่อป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลในระบบได้ด้วย
-โปรแกรม FoxPro เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เนื่องจากใช้ง่ายทั้งวิธีการเรียกจากเมนูของ FoxPro และประยุกต์โปรแกรมขึ้นใช้งาน โปรแกรมที่เขียนด้วย FoxPro จะสามารถใช้กลับ dBase คำสั่งและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ใน dBase จะสามารถใช้งานบน FoxPro ได้ นอกจากนี้ใน FoxPro ยังมีเครื่องมือช่วยในการเขียนโปรแกรม เช่น การสร้างรายงาน
-โปรแกรม dBase เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลชนิดหนึ่ง การใช้งานจะคล้ายกับโปรแกรม FoxPro ข้อมูลรายงานที่อยู่ในไฟล์บน dBase จะสามารถส่งไปประมวลผลในโปรแกรม Word Processor ได้ และแม้แต่ Excel ก็สามารถอ่านไฟล์ .DBF ที่สร้างขึ้นโดยโปรแกรม dBase ได้ด้วย
-โปรแกรม SQL เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มีโครงสร้างของภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพการทำงานสูง สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้โดยใช้คำสั่งเพียงไม่กี่คำสั่ง โปรแกรม SQL จึงเหมาะที่จะใช้กับระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และเป็นภาษาหนึ่งที่มีผู้นิยมใช้กันมาก โดยทั่วไปโปรแกรมฐานข้อมูลของบริษัทต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น Oracle, DB2 ก็มักจะมีคำสั่ง SQL ที่ต่างจากมาตรฐานไปบ้างเพื่อให้เป็นจุดเด่นของแต่ละโปรแกรมไป
6. อะไรคือข้อดีหรือประโยชน์ และอะไรคือข้อจำกัดของตัวแบบความสัมพันธ์ของฐานข้อมูลที่ประยุกต์ใช้ในทางธุรกิจปัจจุบัน
ตอบ ประโยชน์และข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูล
เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ที่สำคัญๆ เช่น การลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล การรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเข้าถึงจากหลายโปรแกรมและหลายผู้ใช้ โปรแกรมอิสระจากรูปแบบข้อมูลและประเภทของฮาร์ดแวร์สำหรับจัดเก็บ ผู้ใช้ได้รับรายงานและการสอบถาม การโต้ตอบ เพื่อได้สารสนเทศที่ต้องการโดยง่าย
ข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูลเพิ่มขึ้นเนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่มากขึ้น ดังนั้น ทำให้เกินปัญหาจัดการทรัพยากรข้อมูล การพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประเภทข้อมูลที่ซับซ้อนและการติดตั้ง DBMS ที่ยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
7. จงอธิบายถึงฐานข้อมูล คลังข้อมูลและตลาดข้อมูลในความเข้าใจของนักศึกษา
ตอบ - ฐานข้อมูล เป็นการรวบรวมระเบียนที่เก็บในรูปแบบแฟ้ม เป็นอิสระจากอุปกรณ์ที่จัดเก็บ
- คลังข้อมูล เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แกไข จัดมาตรฐานและรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ
- ตลาดข้อมูล เป็นที่ที่มีแหล่งข้อมูลที่มีมาก เพื่อให้ผู้บริหารได้ทำการเลือกใช้ตามความต้องการ
8. ทำไมตัวแบบฐานข้อมูลเชิงวัตถุ จึงได้รับกายอมรับในการนำเอามาพัฒนาและจัดการฐานข้อมูลทางธุรกิจบนเว็บ
ตอบ โครงสร้างเชิงวัตถุ แบบจำลองฐานข้อมูลเชิงวัตถุ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญของยุคใหม่ของโปรแกรมประยุกต์สื่อประสมเชิงเว็บ
9. ทำอย่างไรที่จะนำเอาอินเทอร์เน็ต และ World Wide Wed มาใช้ในการจัดการทรัพยากรข้อมูลเพื่อประกอบการทำธุรกิจได้
ตอบ เป็นซอฟแวร์ที่สำคัญในการจัดการหน้าสื่อประสมเชื่อมโยงหลายมิติและข้อมูลประเภทอื่น ที่สนับสนุนเว็บไซท์ขององค์กรเป็นเพราะ OODBMS สามารถจัดการเรื่องการเข้าถึงและจัดเก็บออบเจ็กต์ เช่น เอกสาร ภาพกราฟิก วีดีทัศน์ อื่นๆ ได้โดยง่าย
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554
คำถามกรณีศึกษา 3 Gulfstream Aerospace ปรับปรุงแผนก MIS เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ของบริษัท
คำถามกรณีศึกษา 3 Gulfstream Aerospace ปรับปรุงแผนก MIS เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ของบริษัท
1. ตอบ ระบบวางแผนทรัพยากรสำหรับองค์กร ( ERP ) หลักการสร้างกรอบการทำงานเพื่อจัดการกิจกรรมทั้งหมด ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบไปจนถึงลูกค้าประกอบด้วย การวางแผน การจัดซื้อจัดหา การผลิต และการจัดส่งสินค้า การประเมินผลการปฏิบัติงาน
2. ตอบ นาย Lawe ได้มีการวางแผนกลยุทธ์ระบบการบริหารบริษัทมาหายรูปแบบ เพื่อควบคุมระบบงานในหน่วยงานย่อยๆของ Lawe คาดหวังภายในสองถึงสามปีบริษัทจะต้องมีความก้าวหน้าและขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว
3. ตอบ มีประโยชน์คือต้องมีการพัฒนาโปรแกรมมาช่วยในการทำงานได้ในแต่ละฝ่ายที่เป็นระบบการจัดการที่ขึ้นส่งต่อหน่วยกลาง
4. ตอบ โครงสร้างคณะผู้บริหารที่สำคัญของบริษัทเท่านั้น ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและระบบการบริหารผู้บริหารได้สร้างระบบการจัดการที่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานการ ทางบริษัทควรจัดเปลี่ยนโครงสร้างในแต่ละแผนกแต่ละบุคคลที่เหมาะสมกับงานและระบบที่นาย Lawe นำมาใช้เป็นการนำเอาเทคโนโลยีมารวมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่จะเกี่ยวกับบริษัทและระบบการกระจายอำนาจ (Decentralized ) ควรมีการจัดโครงสร้างที่ดีมีการมอบหมายงานที่ชัดเจนต้องระบุหน้าที่ที่เหมาะสมกับบุคลากร
5. ตอบ สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ในแต่ละองค์กรต้องมีการจัดการระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ดี สามารถแข่งขันเพื่อความได้เปรียบมากกว่าบริษัทอื่นๆ
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
1. ตอบ ระบบวางแผนทรัพยากรสำหรับองค์กร ( ERP ) หลักการสร้างกรอบการทำงานเพื่อจัดการกิจกรรมทั้งหมด ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบไปจนถึงลูกค้าประกอบด้วย การวางแผน การจัดซื้อจัดหา การผลิต และการจัดส่งสินค้า การประเมินผลการปฏิบัติงาน
2. ตอบ นาย Lawe ได้มีการวางแผนกลยุทธ์ระบบการบริหารบริษัทมาหายรูปแบบ เพื่อควบคุมระบบงานในหน่วยงานย่อยๆของ Lawe คาดหวังภายในสองถึงสามปีบริษัทจะต้องมีความก้าวหน้าและขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว
3. ตอบ มีประโยชน์คือต้องมีการพัฒนาโปรแกรมมาช่วยในการทำงานได้ในแต่ละฝ่ายที่เป็นระบบการจัดการที่ขึ้นส่งต่อหน่วยกลาง
4. ตอบ โครงสร้างคณะผู้บริหารที่สำคัญของบริษัทเท่านั้น ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและระบบการบริหารผู้บริหารได้สร้างระบบการจัดการที่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานการ ทางบริษัทควรจัดเปลี่ยนโครงสร้างในแต่ละแผนกแต่ละบุคคลที่เหมาะสมกับงานและระบบที่นาย Lawe นำมาใช้เป็นการนำเอาเทคโนโลยีมารวมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่จะเกี่ยวกับบริษัทและระบบการกระจายอำนาจ (Decentralized ) ควรมีการจัดโครงสร้างที่ดีมีการมอบหมายงานที่ชัดเจนต้องระบุหน้าที่ที่เหมาะสมกับบุคลากร
5. ตอบ สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ในแต่ละองค์กรต้องมีการจัดการระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ดี สามารถแข่งขันเพื่อความได้เปรียบมากกว่าบริษัทอื่นๆ
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามท้ายบทที่ 8
1.ตอบ ใช้กลยุทธ์ทางสารสนเทศ คือ ทำระบบซื้อขายส่วนกลาง ตรวจตราดูแลด้านต่างๆ พร้อมทั้งควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น
2. ตอบ กลยุทธ์ด้านความรวดเร็ว ความสามารถในการประมวลผลข้อมูล และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3. ตอบ บริษัท Uarco,Inc. กระการปรับรื้อระบบธุรกิจของ Uarco ทำให้หน่วยบริการลูกค้าสามารถรับผิดชอบการเสนอราคาต่อลูกค้าและการส่งสินค้าได้เอง ดังนั้นพนักงานจึงมีเวลาในการขายได้อย่างเต็มที่ Uarco ประมาณการว่าผลกำไรสุทธิในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นถึง 25 เหรียญสหรัฐ อันเนื่องมาจากการปรับรื้อกระบวนการทางธุรกิจนี้
4. ตอบ บริษัท DEC ปัจจุเป็นบริษัทลูกที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่มาก รวมการรับส่งไปรษณ์อิเล็กทรอนิกส์วันละหลายพันข้อความและเสนอข้อความทางสื่อประสมกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์บนแม่ข่ายเว็บ เป็นต้น สิ่งนี้เป็นผลให้บริษัทขายคอมพิวเตอร์ Alpha ได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. ตอบ บริษัท Chase Manhattan สูญเสียผลกำไรและส่วนแบ่งทางการตลาดหหลังจากความเพียรพยายามที่จะใช้ประโยชน์ IT ในเชิงกลยุทธิ์ทางเทคโนโลยี
6. ตอบ องค์กรจะเป็นที่รู้จักปรับตัว และรู้จักฉวยโอกาส สามารถสร้างสินค้าที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงไปตรงมาและเป็นที่ยอมรับเชื่อถือในเชิงธุรกิจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
7. ตอบ โดยการเปลี่ยนขั้นตอนที่ไร้แบบแผนไปสู่การดำเนินการที่เป็นกิจวัตรหรือแบบแผน ลด หรือนำมาใช้แทนแรงงานมนุษย์ได้ และนำพาข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าสู่กระบวนการ เป็นต้น
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
2. ตอบ กลยุทธ์ด้านความรวดเร็ว ความสามารถในการประมวลผลข้อมูล และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3. ตอบ บริษัท Uarco,Inc. กระการปรับรื้อระบบธุรกิจของ Uarco ทำให้หน่วยบริการลูกค้าสามารถรับผิดชอบการเสนอราคาต่อลูกค้าและการส่งสินค้าได้เอง ดังนั้นพนักงานจึงมีเวลาในการขายได้อย่างเต็มที่ Uarco ประมาณการว่าผลกำไรสุทธิในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นถึง 25 เหรียญสหรัฐ อันเนื่องมาจากการปรับรื้อกระบวนการทางธุรกิจนี้
4. ตอบ บริษัท DEC ปัจจุเป็นบริษัทลูกที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่มาก รวมการรับส่งไปรษณ์อิเล็กทรอนิกส์วันละหลายพันข้อความและเสนอข้อความทางสื่อประสมกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์บนแม่ข่ายเว็บ เป็นต้น สิ่งนี้เป็นผลให้บริษัทขายคอมพิวเตอร์ Alpha ได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. ตอบ บริษัท Chase Manhattan สูญเสียผลกำไรและส่วนแบ่งทางการตลาดหหลังจากความเพียรพยายามที่จะใช้ประโยชน์ IT ในเชิงกลยุทธิ์ทางเทคโนโลยี
6. ตอบ องค์กรจะเป็นที่รู้จักปรับตัว และรู้จักฉวยโอกาส สามารถสร้างสินค้าที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงไปตรงมาและเป็นที่ยอมรับเชื่อถือในเชิงธุรกิจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
7. ตอบ โดยการเปลี่ยนขั้นตอนที่ไร้แบบแผนไปสู่การดำเนินการที่เป็นกิจวัตรหรือแบบแผน ลด หรือนำมาใช้แทนแรงงานมนุษย์ได้ และนำพาข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าสู่กระบวนการ เป็นต้น
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 8
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 8.1
1.ตอบ ช่วยให้กระบวนการต่างๆในการดำเนินธุรกิจทำได้โดยอัตโนมัติ
2.ตอบ ผลประโยชน์ในการแข่งขันที่แท้จริงจะอยู่ที่ความคิดของคนที่นำซอฟต์แวร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการแข่งขัน
3.ตอบ ความเสี่ยงของการให้เช่าสินทรัพย์มูลค่าสูง และการขายเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 8.2
1.ตอบ อินทราเน็ตของ Ford เชื่อมต่อสถานีงานจำนวน 120,000 แห่ง ของสำนักงานและโรงงานทั่วโลกเข้ากับแหล่งข้อมูลนับพันๆเว็บไซด์ของ Ford
2.ตอบ Ford ใช้เอ็กซ์ทราเน็ตเพื่อเปิดอินทราเน็ตของตนให้แก่ผู้จัดหาสินค้ารายใหญ่ๆ อนุญาติให้ผู้จัดหาสินค้าได้ข้อมูลที่ชัดเจนลงไป
3.ตอบ คือการผลิตยานยนต์ส่วนใหญ่ได้ตามความต้องการภายในปี 1999 โดยจะจัดส่งให้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากการสั่งซื้อ สิ่งนี้จะประหยัดเงินได้หลายล้านเหรียญสหรัฐในสภาพคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายปัจจุบัน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
1.ตอบ ช่วยให้กระบวนการต่างๆในการดำเนินธุรกิจทำได้โดยอัตโนมัติ
2.ตอบ ผลประโยชน์ในการแข่งขันที่แท้จริงจะอยู่ที่ความคิดของคนที่นำซอฟต์แวร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการแข่งขัน
3.ตอบ ความเสี่ยงของการให้เช่าสินทรัพย์มูลค่าสูง และการขายเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 8.2
1.ตอบ อินทราเน็ตของ Ford เชื่อมต่อสถานีงานจำนวน 120,000 แห่ง ของสำนักงานและโรงงานทั่วโลกเข้ากับแหล่งข้อมูลนับพันๆเว็บไซด์ของ Ford
2.ตอบ Ford ใช้เอ็กซ์ทราเน็ตเพื่อเปิดอินทราเน็ตของตนให้แก่ผู้จัดหาสินค้ารายใหญ่ๆ อนุญาติให้ผู้จัดหาสินค้าได้ข้อมูลที่ชัดเจนลงไป
3.ตอบ คือการผลิตยานยนต์ส่วนใหญ่ได้ตามความต้องการภายในปี 1999 โดยจะจัดส่งให้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากการสั่งซื้อ สิ่งนี้จะประหยัดเงินได้หลายล้านเหรียญสหรัฐในสภาพคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายปัจจุบัน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
สรุปบทที่ 8
ระบบสารสนเทศสำหรับความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
ความหมายของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ คือ ระบบสารสนเทศใด ๆ ที่ช่วยสนับสนุนการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์การ
กลยุทธ์ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
มีพื้นฐาน 5 อย่าง คือ
1.กลยุทธ์การใช้ต้นทุนต่ำ
2.กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง
3.กลยุทธ์นวัตกรรม
4.กลยุทธ์ความเจริญเติบโต
5.กลยุทธ์สร้างพันธมิตร
ความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์ระดับต่าง ๆ
โมเดลของพลังการแข่งขัน (Competitive Forces Model)
1) การแข่งขันจากคู่แข่งขัน
2) แรงกดดันจากคู่แข่งขันรายใหม่
3) แรงกดดันจากสินค้า/บริการทดแทน
4) อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ
5) อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์
ทฤษฎีของแรงผลักดันด้านกลยุทธ์
Wiseman (1985) ได้เสนอกรอบความคิดเพื่อใช้ในการพิจารณาหาโอกาสในการใช้สารสนเทศเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน โดยอาศัยพื้นฐานแนวความคิดจาก Chandler และ Porter กรอบความคิดของ Wiseman เรียกว่า ทฤษฎีแรงผลักดันด้านกลยุทธ์ (Theory of Strategic Thrust) ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. เป้าหมายของกลยุทธ์ (Target)
2. แรงผลักดันด้านกลยุทธ์ (Strategic Thrust)
3. แนวทางของแรงผลักดัน (Mode of the Thrust)
4. ทิศทางของแรงผลักดัน (Direction of the Thrust)
ข้อแนะนำในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
Senn (1992) ได้แนะนำผู้บริหารในการนำระบบสารสนเทศมาใช้ให้เกิดการได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนี้
1. พิจารณากระบวนการทำงานก่อนนำระบบสารสนเทศมาติดตั้ง
2. ควรให้เจ้าหน้าที่แผนกสารสนเทศมีโอกาสแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่แผนอื่น รวมทั้งลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพนักงานขาย
3. เริ่มพัฒนาผลงานชิ้นต่อไปก่อนที่จะนำผลงานในปัจจุบันออกสู่ตลาด
4. การใช้ระบบสารสนเทศจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของหน่วยงาน
แรงผลักดันในการแข่งขัน ( Competitive Forces )
1.อุปสรรคจากผู้แข่งขันรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด( Threat ofEntryof NewCompetitors)
2.อำนาจการต่อรองของผู้ขายปัจจัยการผลิต( Bargaining PowerofSuppliers )
3.อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ หรือ ลูกค้า(Bargaining Powerof Buyers/Customers )
4.การแข่งขันระหว่างกิจการต่างๆในอุตสาหกรรม( Rivaly AmongExistingCompetitors )
5.อุปสรรคที่เกิดจากสินค้า หรือ บริการทดแทน( Threat ofSubstitute Products/Services )
ส่างโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
ความหมายของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ คือ ระบบสารสนเทศใด ๆ ที่ช่วยสนับสนุนการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์การ
กลยุทธ์ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
มีพื้นฐาน 5 อย่าง คือ
1.กลยุทธ์การใช้ต้นทุนต่ำ
2.กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง
3.กลยุทธ์นวัตกรรม
4.กลยุทธ์ความเจริญเติบโต
5.กลยุทธ์สร้างพันธมิตร
ความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์ระดับต่าง ๆ
โมเดลของพลังการแข่งขัน (Competitive Forces Model)
1) การแข่งขันจากคู่แข่งขัน
2) แรงกดดันจากคู่แข่งขันรายใหม่
3) แรงกดดันจากสินค้า/บริการทดแทน
4) อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ
5) อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์
ทฤษฎีของแรงผลักดันด้านกลยุทธ์
Wiseman (1985) ได้เสนอกรอบความคิดเพื่อใช้ในการพิจารณาหาโอกาสในการใช้สารสนเทศเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน โดยอาศัยพื้นฐานแนวความคิดจาก Chandler และ Porter กรอบความคิดของ Wiseman เรียกว่า ทฤษฎีแรงผลักดันด้านกลยุทธ์ (Theory of Strategic Thrust) ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. เป้าหมายของกลยุทธ์ (Target)
2. แรงผลักดันด้านกลยุทธ์ (Strategic Thrust)
3. แนวทางของแรงผลักดัน (Mode of the Thrust)
4. ทิศทางของแรงผลักดัน (Direction of the Thrust)
ข้อแนะนำในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
Senn (1992) ได้แนะนำผู้บริหารในการนำระบบสารสนเทศมาใช้ให้เกิดการได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนี้
1. พิจารณากระบวนการทำงานก่อนนำระบบสารสนเทศมาติดตั้ง
2. ควรให้เจ้าหน้าที่แผนกสารสนเทศมีโอกาสแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่แผนอื่น รวมทั้งลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพนักงานขาย
3. เริ่มพัฒนาผลงานชิ้นต่อไปก่อนที่จะนำผลงานในปัจจุบันออกสู่ตลาด
4. การใช้ระบบสารสนเทศจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของหน่วยงาน
แรงผลักดันในการแข่งขัน ( Competitive Forces )
1.อุปสรรคจากผู้แข่งขันรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด( Threat ofEntryof NewCompetitors)
2.อำนาจการต่อรองของผู้ขายปัจจัยการผลิต( Bargaining PowerofSuppliers )
3.อำนาจการต่อรองของผู้ซื้อ หรือ ลูกค้า(Bargaining Powerof Buyers/Customers )
4.การแข่งขันระหว่างกิจการต่างๆในอุตสาหกรรม( Rivaly AmongExistingCompetitors )
5.อุปสรรคที่เกิดจากสินค้า หรือ บริการทดแทน( Threat ofSubstitute Products/Services )
ส่างโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามท้ายบทที่ 7
1.ตอบ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
การเตรียมงานสนับสนุนการตัดสินใจ : มีการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานภายในองค์การ
รูปแบบสารสนเทศและความถี่ : ช่วงเวลา การยกเว้น ความต้องการและการดึงรายงานออกมา และการตอบสนอง
รูปแบบของสารสนเทศ : การกำหนดล่วงหน้า การจำกัดรูปแบบ
ระเบียบวิธีในกระบวนการสารสนเทศ : การสร้างข้อมูลโดยการโอนหรือการย้ายของข้อมูลธุรกิจ
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
การเตรียมงานสนับสนุนการตัดสินใจ : มีการเตรียมข้อมูลและเทคนิคการตัดสินใจในการวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะหรือโอกาส
รูปแบบสารสนเทศและความถี่ : การตรวจสอบการติดต่อระหว่างกันและการตอบสนอง
รูปแบบของสารสนเทศ : เฉพาะตามต้องการ มีความยืดหยุ่นและรูปแบบที่สามารถปรับใช้ได้
ระเบียบวิธีในกระบวนการสารสนเทศ : การสร้างข้อมูลจากรูปแบบจำลองในการวิเคราะห์ของข้อมูลธุกิจ
2.ตอบ การจัดการด้านกลยุทธ์ คณะกรรมการอำนวยการ สมาชิกผู้บริหาร และผู้หารระดับสูง กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ นโยบายและการวางแผนในองค์กร โดยพิจารณาจากกลยุทธ์ขององค์กรและภาพรวมของทิศทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการแข่งขันทางธุรกิจ
การจัดการด้านยุทธวิธี ผู้จัดการหน่วยงาน วางแผนระยะสั้นและระยะกลาง กำหนดตารางเวลา งบประมาณและนโยบายขั้นตอนการทำงานและเป้าหมายทางธุรกิจสำหรับหน่วยย่อยภายในองค์กร การจัดสรรแหล่งข้อมูลและตรวจดูการทำงานของหน่วยย่อยภายในองค์กร ขั้นตอนการทำงานของทีมงาน ทีมงานโครงการและกลุ่มทำงาน
การจัดการด้านการปฏิบัติการ สมาชิกภายในกลุ่มหรือการปฏิบัติการของผู้จัดการ ในการจัดการวางแผนระยะสั้น เช่น ตารางการผลิตในแต่ละสัปดาห์ การใช้แหล่งข้อมูลและการปฏิบัติงานตามขั้นตอนภายใต้งบประมาณและตารางเวลาที่ได้ตั้งเอาไว้
3.ตอบ การจำลองรูปแบบการจำลองที่มีการสนับสนุนประเภทในการตัดสินใจ เช่นโปรแกรมคำนวณรูปแบบตารางที่มีการพิจารณาในความสัมพันธ์กะบตัวแปร เช่น รายได้-ค่าใช้จ่าย=กำไร เป็นต้น
4.ตอบ เพราะความต้องการข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้ที่ต้องตัดสินใจ ประเภทของข้อมูลที่ต้องการจากผู้บริหารผู้จัดการและสมาชิกในทีมงาน ซึ่งเน้นความสัมพันธ์ของระดับในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องและโครงสร้างสำเหตุการณ์ของการตัดสินใจที่้ต้องเผชิญหน้า
5.ตอบ เพราะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือ การพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้สามารถคิด มองเห็น ได้ยิน เดิน พูด และมีความรู้สึก
6.ตอบ พฤติกรรมของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งปัญญาประดิษฐ์มีความพยามที่จะจำลองความสามารถของระบบที่ภายในคอมพิวเตอร์
7.ตอบ มีการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกที่ดีกับความต้องการของมนุษย์มากขึ้น
8.ตอบ คือ ต้นทุนของเทคโนโลยี ขาดความสามาถในการเรียนรู้ และต้นทุนในการพัฒนา การแก้ไขปัญหาเฉพาะที่อยู่ในเขตความรู้ที่จำกัดขอบเขต เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญอาจจะช่วยให้คำปรึกษาทางด้านการเงินที่มีการแนะนำการพัฒนาทางเลือกสำหรับนักลงทุนใหม่แก่ลูกค้า
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
การเตรียมงานสนับสนุนการตัดสินใจ : มีการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานภายในองค์การ
รูปแบบสารสนเทศและความถี่ : ช่วงเวลา การยกเว้น ความต้องการและการดึงรายงานออกมา และการตอบสนอง
รูปแบบของสารสนเทศ : การกำหนดล่วงหน้า การจำกัดรูปแบบ
ระเบียบวิธีในกระบวนการสารสนเทศ : การสร้างข้อมูลโดยการโอนหรือการย้ายของข้อมูลธุรกิจ
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
การเตรียมงานสนับสนุนการตัดสินใจ : มีการเตรียมข้อมูลและเทคนิคการตัดสินใจในการวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะหรือโอกาส
รูปแบบสารสนเทศและความถี่ : การตรวจสอบการติดต่อระหว่างกันและการตอบสนอง
รูปแบบของสารสนเทศ : เฉพาะตามต้องการ มีความยืดหยุ่นและรูปแบบที่สามารถปรับใช้ได้
ระเบียบวิธีในกระบวนการสารสนเทศ : การสร้างข้อมูลจากรูปแบบจำลองในการวิเคราะห์ของข้อมูลธุกิจ
2.ตอบ การจัดการด้านกลยุทธ์ คณะกรรมการอำนวยการ สมาชิกผู้บริหาร และผู้หารระดับสูง กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ นโยบายและการวางแผนในองค์กร โดยพิจารณาจากกลยุทธ์ขององค์กรและภาพรวมของทิศทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการแข่งขันทางธุรกิจ
การจัดการด้านยุทธวิธี ผู้จัดการหน่วยงาน วางแผนระยะสั้นและระยะกลาง กำหนดตารางเวลา งบประมาณและนโยบายขั้นตอนการทำงานและเป้าหมายทางธุรกิจสำหรับหน่วยย่อยภายในองค์กร การจัดสรรแหล่งข้อมูลและตรวจดูการทำงานของหน่วยย่อยภายในองค์กร ขั้นตอนการทำงานของทีมงาน ทีมงานโครงการและกลุ่มทำงาน
การจัดการด้านการปฏิบัติการ สมาชิกภายในกลุ่มหรือการปฏิบัติการของผู้จัดการ ในการจัดการวางแผนระยะสั้น เช่น ตารางการผลิตในแต่ละสัปดาห์ การใช้แหล่งข้อมูลและการปฏิบัติงานตามขั้นตอนภายใต้งบประมาณและตารางเวลาที่ได้ตั้งเอาไว้
3.ตอบ การจำลองรูปแบบการจำลองที่มีการสนับสนุนประเภทในการตัดสินใจ เช่นโปรแกรมคำนวณรูปแบบตารางที่มีการพิจารณาในความสัมพันธ์กะบตัวแปร เช่น รายได้-ค่าใช้จ่าย=กำไร เป็นต้น
4.ตอบ เพราะความต้องการข้อมูลข่าวสารสำหรับผู้ที่ต้องตัดสินใจ ประเภทของข้อมูลที่ต้องการจากผู้บริหารผู้จัดการและสมาชิกในทีมงาน ซึ่งเน้นความสัมพันธ์ของระดับในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องและโครงสร้างสำเหตุการณ์ของการตัดสินใจที่้ต้องเผชิญหน้า
5.ตอบ เพราะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือ การพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้สามารถคิด มองเห็น ได้ยิน เดิน พูด และมีความรู้สึก
6.ตอบ พฤติกรรมของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งปัญญาประดิษฐ์มีความพยามที่จะจำลองความสามารถของระบบที่ภายในคอมพิวเตอร์
7.ตอบ มีการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกที่ดีกับความต้องการของมนุษย์มากขึ้น
8.ตอบ คือ ต้นทุนของเทคโนโลยี ขาดความสามาถในการเรียนรู้ และต้นทุนในการพัฒนา การแก้ไขปัญหาเฉพาะที่อยู่ในเขตความรู้ที่จำกัดขอบเขต เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญอาจจะช่วยให้คำปรึกษาทางด้านการเงินที่มีการแนะนำการพัฒนาทางเลือกสำหรับนักลงทุนใหม่แก่ลูกค้า
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 7
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 7.1
1.ตอบ เพราะเป็นแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญสำหรับบริษัทหลายๆแห่ง
2.ตอบ Parsons Brinckhoff เป็นเครื่องมือในระบบค้นหาอินทราเน็ตได้ช่วยเพิ่มการคืนทุนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยการลดเวลาที่ไม่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงและจัดการข้อมูลสารสนเทศในระบบอินทราเน็ตภายในบริษัท
3.ตอบ ช่วยให้พนักงานในบริษัทใช้ระบบอินทราเน็ตเป็นเครื่องมือในการแข่งขันสำหรับโครงการทางวิศวกรรมใหม่ๆ
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 7.2
1.ตอบ การได้ลิขสิทธิ์สำหรับใช้ในการโฆษณาส่งเสริมการขาย
2.ตอบ ทำให้การขายสูงขึ้นถึง 4 เปอร์เซนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง
3.ตอบ ควรเตรียมผู้จัดหาสินค้าที่มีการทำงานร่วมกับการเข้าถึงข้อมูลทางการตลาดในระบบอินทราเน็ตที่ใช้ Wired ของการเชื่อมโยงใน OLAP บริษัทพร้อมที่จะแบ่งส่วนในการทำงานของการขายร่วมกับผู้จัดหาสินค้าหลักอีกสองแหล่งทั้งหมดที่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในการเปลี่ยนแปลงชุดการติดต่อธุรกิจภายใน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
1.ตอบ เพราะเป็นแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญสำหรับบริษัทหลายๆแห่ง
2.ตอบ Parsons Brinckhoff เป็นเครื่องมือในระบบค้นหาอินทราเน็ตได้ช่วยเพิ่มการคืนทุนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยการลดเวลาที่ไม่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงและจัดการข้อมูลสารสนเทศในระบบอินทราเน็ตภายในบริษัท
3.ตอบ ช่วยให้พนักงานในบริษัทใช้ระบบอินทราเน็ตเป็นเครื่องมือในการแข่งขันสำหรับโครงการทางวิศวกรรมใหม่ๆ
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 7.2
1.ตอบ การได้ลิขสิทธิ์สำหรับใช้ในการโฆษณาส่งเสริมการขาย
2.ตอบ ทำให้การขายสูงขึ้นถึง 4 เปอร์เซนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง
3.ตอบ ควรเตรียมผู้จัดหาสินค้าที่มีการทำงานร่วมกับการเข้าถึงข้อมูลทางการตลาดในระบบอินทราเน็ตที่ใช้ Wired ของการเชื่อมโยงใน OLAP บริษัทพร้อมที่จะแบ่งส่วนในการทำงานของการขายร่วมกับผู้จัดหาสินค้าหลักอีกสองแหล่งทั้งหมดที่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในการเปลี่ยนแปลงชุดการติดต่อธุรกิจภายใน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
สรุปบทที่ 7
ระบบสารสนเทศสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจด้านการบริหาร
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจช่วยในการตัดสินใจปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ สามารถช่วยในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ผู้ผลิตต้องการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่หรือโรงงานน้ำมันต้องการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการขุดเจาะหาน้ำมัน ซึ่งจะเห็นว่าระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการทั่วไปไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ระบบสนับสนุนการตัดสินใจสามารถช่วยแนะนำทางเลือกในการปฏิบัติและช่วยในการตัดสินใจเพื่อหาคำตอบของปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจการบริหารรูปแบบต่างๆ ดังนั้นจึง จำเป็นต้องสามารถรองรับรูปแบบการตัดสินใจของผู้ใช้ที่หลากหลายด้วย
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบที่นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่าระบบ สารสนเทศเพื่อการจัดการ ซึ่งข้อมูลส่วนที่นำเข้าส่วนมาก ได้แก่ข้อมูลจากระบบประมวลผลรายการ ซึ่งถูกนำเข้าไปยังระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการขององค์กรเพื่อผลิตรายงานต่างๆ ออกมา ทำให้ผู้จัดการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
แนวคิดของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
จุดประสงค์หลักของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการคือ ช่วยให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยช่วยให้ ผู้บริหารสามารถเห็นการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในองค์กร เพื่อที่จะควบคุม, จัดการและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือกล่าวได้ว่า ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ช่วยนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยจัดการผลสะท้อนกลับที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานรายวันได้ ตัวอย่างเช่นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการผลิต คือกลุ่มของระบบที่รวมกันเพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบขบวนการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยการตรวจสอบนี้ทำได้โดยดูจากรายงานสรุปที่ได้จากระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ รายงานเหล่านี้สามารถได้มาจากการกรองและการวิเคราะห์รายละเอียดข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลการประมวลผลรายการและแสดงผลข้อมูลที่ได้ในรูปแบบที่มีความหมายหรือรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายต่อ ผู้บริหาร เพื่อใช้ในการตัดสินใจ รูปที่ 11 แสดงบทบาทของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ที่มีต่อการไหลของ สารสนเทศภายในองค์กร สังเกตว่ารายการทางธุรกิจสามารถเข้ามาในองค์กรผ่านวิธีการทั่วไป, ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางเอ็กซ์ทราเน็ตที่ติดต่อลูกค้าและแหล่งผลิตเข้ากับระบบประมวลผลรายการของบริษัทก็ได้
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการแต่ละระบบจะประกอบด้วยกลุ่มของระบบย่อย ซึ่งทำหน้าที่ในการดำเนินงานเฉพาะอย่างภายในองค์กร ดังนั้นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการเงินจะมีระบบย่อยที่ทำการออกรายงานด้านการเงิน, ระบบย่อยที่ทำการวิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุน, วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและระบบย่อยที่ทำการใช้และบริหารเงินทุน ระย่อยต่างๆ สามารถใช้ทรัพยากรด้านฮาร์ดแวร์, ข้อมูล และบุคคลร่วมกันได้
ถึงแม้การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการจะเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจให้กับผู้บริหารได้ แต่บทบาทสำคัญที่ทำให้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสามารถเพิ่มประสิทธิผลให้กับองค์กรได้ก็คือ ช่วยในการจัดการข้อมูลที่ ถูกต้องให้กับบุคคลที่ถูกต้อง ในรูปแบบและเวลาที่เหมาะสม
ส่วนที่นำเข้าไปในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ข้อมูลที่เข้าไปยังระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมาจากแหล่งข้อมูลภายในและภายนอก แหล่งข้อมูลภายในที่สำคัญมาจากระบบการประมวลผลรายการ ซึ่งการทำงานหลักของระบบประมวลผลรายการได้แก่การจัดเก็บข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินรายการทางธุรกิจ ซึ่งเมื่อเกิดรายการทางธุรกิจใดๆ ขึ้นระบบประมวลผลรายการจะต้อง ปรับปรุงข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลด้วยเสมอ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมการออกบิลช่วยเก็บฐานข้อมูลของบัญชีรายรับ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้บริหารทราบว่าลูกค้ารายใดบ้างที่เป็นหนี้บริษัท ฐานข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วเหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดข้อมูลภายในพื้นฐาน เพื่อใช้ในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ชุดโปรแกรมทางด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลภายในจากส่วนงานเฉพาะด้านอื่นๆ ของบริษัทก็สามารถนำเข้าข้อมูลที่สำคัญมาสู่ระบบได้เช่นกัน แหล่งข้อมูล ภายนอกได้แก่ ลูกค้า, แหล่งผลิต, คู่แข่งและผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผลรายการ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ หลายๆ บริษัทพยายามที่จะนำเอ็กซ์ทราเน็ตเข้ามาใช้เชื่อมโยงแหล่งข้อมูลภายนอกต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการใช้ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งกำเนิดเหล่านี้และประมวลผลให้กลายเป็น สารสนเทศที่ผู้บริหารสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของรายงานนั่นเอง
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจช่วยในการตัดสินใจปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ สามารถช่วยในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ผู้ผลิตต้องการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่หรือโรงงานน้ำมันต้องการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการขุดเจาะหาน้ำมัน ซึ่งจะเห็นว่าระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการทั่วไปไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ระบบสนับสนุนการตัดสินใจสามารถช่วยแนะนำทางเลือกในการปฏิบัติและช่วยในการตัดสินใจเพื่อหาคำตอบของปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจการบริหารรูปแบบต่างๆ ดังนั้นจึง จำเป็นต้องสามารถรองรับรูปแบบการตัดสินใจของผู้ใช้ที่หลากหลายด้วย
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบที่นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่าระบบ สารสนเทศเพื่อการจัดการ ซึ่งข้อมูลส่วนที่นำเข้าส่วนมาก ได้แก่ข้อมูลจากระบบประมวลผลรายการ ซึ่งถูกนำเข้าไปยังระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการขององค์กรเพื่อผลิตรายงานต่างๆ ออกมา ทำให้ผู้จัดการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
แนวคิดของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
จุดประสงค์หลักของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการคือ ช่วยให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยช่วยให้ ผู้บริหารสามารถเห็นการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในองค์กร เพื่อที่จะควบคุม, จัดการและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือกล่าวได้ว่า ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ช่วยนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยจัดการผลสะท้อนกลับที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานรายวันได้ ตัวอย่างเช่นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการผลิต คือกลุ่มของระบบที่รวมกันเพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบขบวนการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยการตรวจสอบนี้ทำได้โดยดูจากรายงานสรุปที่ได้จากระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ รายงานเหล่านี้สามารถได้มาจากการกรองและการวิเคราะห์รายละเอียดข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลการประมวลผลรายการและแสดงผลข้อมูลที่ได้ในรูปแบบที่มีความหมายหรือรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายต่อ ผู้บริหาร เพื่อใช้ในการตัดสินใจ รูปที่ 11 แสดงบทบาทของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ที่มีต่อการไหลของ สารสนเทศภายในองค์กร สังเกตว่ารายการทางธุรกิจสามารถเข้ามาในองค์กรผ่านวิธีการทั่วไป, ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางเอ็กซ์ทราเน็ตที่ติดต่อลูกค้าและแหล่งผลิตเข้ากับระบบประมวลผลรายการของบริษัทก็ได้
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการแต่ละระบบจะประกอบด้วยกลุ่มของระบบย่อย ซึ่งทำหน้าที่ในการดำเนินงานเฉพาะอย่างภายในองค์กร ดังนั้นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านการเงินจะมีระบบย่อยที่ทำการออกรายงานด้านการเงิน, ระบบย่อยที่ทำการวิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุน, วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและระบบย่อยที่ทำการใช้และบริหารเงินทุน ระย่อยต่างๆ สามารถใช้ทรัพยากรด้านฮาร์ดแวร์, ข้อมูล และบุคคลร่วมกันได้
ถึงแม้การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการจะเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจให้กับผู้บริหารได้ แต่บทบาทสำคัญที่ทำให้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสามารถเพิ่มประสิทธิผลให้กับองค์กรได้ก็คือ ช่วยในการจัดการข้อมูลที่ ถูกต้องให้กับบุคคลที่ถูกต้อง ในรูปแบบและเวลาที่เหมาะสม
ส่วนที่นำเข้าไปในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ข้อมูลที่เข้าไปยังระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมาจากแหล่งข้อมูลภายในและภายนอก แหล่งข้อมูลภายในที่สำคัญมาจากระบบการประมวลผลรายการ ซึ่งการทำงานหลักของระบบประมวลผลรายการได้แก่การจัดเก็บข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินรายการทางธุรกิจ ซึ่งเมื่อเกิดรายการทางธุรกิจใดๆ ขึ้นระบบประมวลผลรายการจะต้อง ปรับปรุงข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลด้วยเสมอ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมการออกบิลช่วยเก็บฐานข้อมูลของบัญชีรายรับ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้บริหารทราบว่าลูกค้ารายใดบ้างที่เป็นหนี้บริษัท ฐานข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วเหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดข้อมูลภายในพื้นฐาน เพื่อใช้ในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ชุดโปรแกรมทางด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลภายในจากส่วนงานเฉพาะด้านอื่นๆ ของบริษัทก็สามารถนำเข้าข้อมูลที่สำคัญมาสู่ระบบได้เช่นกัน แหล่งข้อมูล ภายนอกได้แก่ ลูกค้า, แหล่งผลิต, คู่แข่งและผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผลรายการ และแหล่งข้อมูลอื่นๆ หลายๆ บริษัทพยายามที่จะนำเอ็กซ์ทราเน็ตเข้ามาใช้เชื่อมโยงแหล่งข้อมูลภายนอกต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการใช้ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งกำเนิดเหล่านี้และประมวลผลให้กลายเป็น สารสนเทศที่ผู้บริหารสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของรายงานนั่นเอง
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
แบบฝึกหัดบทที่ 6
1. ตอบ1. ปรับปรุงในเรื่องการติดต่อสื่อสาร
2. ลดต้นทุน
3. เพิ่มผลผลิต
4. ประหยัดเวลา
5. ปรับปรุงด้านลูกค้าสัมพันธ์และความพึงพอใจของพนักงาน
2. ตอบ การตลาดทำหน้าที่สำคัญในการจัดการธุรกิจการค้า องค์ธุรกิจจะต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานด้านการตลาดที่สำคัญในอันที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3. ตอบ บริษัท Gulf States Paper Corporation
4. ตอบ การเพิ่มจำนวนขึ้นของคอมพิวเตอร์และเครือข่ายทำให้เกิดปัจจัยพื้นฐานสำหรับแรงขับเคลื่อนการขายอัตโนมัติ ในหลายๆบริษัท ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เว็บบราวเซอร์และซอฟแวร์ด้านการจัดการติดต่อการขายเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมต่อกับเว็บไซท์การตลาดบนอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตและอินทราเน็ตของบริษัท
5. ตอบ กระบวนการผลิตเหมือนกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานวิศวกรรมและการออกแบบ การควบคุมการผลิต ตารางการผลิต และการบริหารด้านการจัดหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการความร่วมมือ การเพิ่มในเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตและเครือข่ายอื่นๆเพื่อเชื่อโยงกับสถานีงาน
6. ตอบ -อินเทอร์เน็ต เช่น ระบบออนไลน์ของ HRM ได้เกี่ยวข้องกับการจัดหาลูกจ้างผ่านเว็บไซท์ของแผนกจัดหาลูกจ้างของบริษัท ใช้บริการและฐานข้อมูลของบริษัทจัดหางานบนเว็บ การประกาศผ่านกลุ่มข่าวบนอินเทอร์เน็ตและสื่อสารกับผู้สมัครงานผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์- อินทราเน็ต เช่น การให้บริการตัวเองของลูกจ้างจะช่วยให้พนักงานได้เห็นรายงานด้านผลประโยชน์และค่าใช้จ่าย ข้อมูลด้านการจ้างงานและเงินเดือน สามารถเข้าถึงและปรับปรุงสารสนเทศส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบัน
7. ตอบ ระบบคอมพิวเตอร์ด้านการบัญชีจะทำการบันทึกและรายงานการไหลเวียนของเงินทุนภายในองค์กรในเรื่องที่สำคัญในอดีตและผลิตรายการด้านการเงิน ส่วนระบบสารสนเทศด้านการเงิน สนับสนุนผู้จัดการฝ่ายการเงินในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเงินของบริษัท เป็นต้น
8. ตอบ ใช้ เพราะระบบสารสนเทศสามารถที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราไปอย่างได้ง่ายขึ้น สะดวกในการบริหารงานมากขึ้น ยิ่งในเรื่องของระบบสารสนเทศด้านบัญชีที่ช่วยในเรื่องของระบบบัญชีออนไลน์ที่ช่วยในเรื่องของกระบวนการสั่งซื้อ การควบคุมสินค้าคงคลัง เป็นต้น
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
2. ลดต้นทุน
3. เพิ่มผลผลิต
4. ประหยัดเวลา
5. ปรับปรุงด้านลูกค้าสัมพันธ์และความพึงพอใจของพนักงาน
2. ตอบ การตลาดทำหน้าที่สำคัญในการจัดการธุรกิจการค้า องค์ธุรกิจจะต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานด้านการตลาดที่สำคัญในอันที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3. ตอบ บริษัท Gulf States Paper Corporation
4. ตอบ การเพิ่มจำนวนขึ้นของคอมพิวเตอร์และเครือข่ายทำให้เกิดปัจจัยพื้นฐานสำหรับแรงขับเคลื่อนการขายอัตโนมัติ ในหลายๆบริษัท ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เว็บบราวเซอร์และซอฟแวร์ด้านการจัดการติดต่อการขายเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมต่อกับเว็บไซท์การตลาดบนอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตและอินทราเน็ตของบริษัท
5. ตอบ กระบวนการผลิตเหมือนกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานวิศวกรรมและการออกแบบ การควบคุมการผลิต ตารางการผลิต และการบริหารด้านการจัดหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการความร่วมมือ การเพิ่มในเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตและเครือข่ายอื่นๆเพื่อเชื่อโยงกับสถานีงาน
6. ตอบ -อินเทอร์เน็ต เช่น ระบบออนไลน์ของ HRM ได้เกี่ยวข้องกับการจัดหาลูกจ้างผ่านเว็บไซท์ของแผนกจัดหาลูกจ้างของบริษัท ใช้บริการและฐานข้อมูลของบริษัทจัดหางานบนเว็บ การประกาศผ่านกลุ่มข่าวบนอินเทอร์เน็ตและสื่อสารกับผู้สมัครงานผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์- อินทราเน็ต เช่น การให้บริการตัวเองของลูกจ้างจะช่วยให้พนักงานได้เห็นรายงานด้านผลประโยชน์และค่าใช้จ่าย ข้อมูลด้านการจ้างงานและเงินเดือน สามารถเข้าถึงและปรับปรุงสารสนเทศส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบัน
7. ตอบ ระบบคอมพิวเตอร์ด้านการบัญชีจะทำการบันทึกและรายงานการไหลเวียนของเงินทุนภายในองค์กรในเรื่องที่สำคัญในอดีตและผลิตรายการด้านการเงิน ส่วนระบบสารสนเทศด้านการเงิน สนับสนุนผู้จัดการฝ่ายการเงินในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเงินของบริษัท เป็นต้น
8. ตอบ ใช้ เพราะระบบสารสนเทศสามารถที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราไปอย่างได้ง่ายขึ้น สะดวกในการบริหารงานมากขึ้น ยิ่งในเรื่องของระบบสารสนเทศด้านบัญชีที่ช่วยในเรื่องของระบบบัญชีออนไลน์ที่ช่วยในเรื่องของกระบวนการสั่งซื้อ การควบคุมสินค้าคงคลัง เป็นต้น
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
กรณีศึกษาบทที่ 6
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 6.1
1.ตอบ เช่น ความสามารถของเลเซอร์ และเทคโนโลยีการจำด้วยการมองเห็น
2.ตอบ โรงงานได้ผลิตท่อนซุงที่ตรงกับสภาวะความเปลี่ยนในตลาดโดยอยู่บนพื้นฐานสารสนเทศที่ได้รับจากระบบข้อมูลการตลาดที่ชาญฉลาด
3.ตอบ มีหลายทางทีจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานที่ต้องกระทำในธุรกิจ เพื่อแก้ปัญหาและสร้างโอกาสในธุรกิจ และในฐานะที่เป็นผู้ใช้ เราต้องมีความเข้าใจพื้นฐานระบบสารสนเทศ สามารถสนองความต้องการการใช้งานด้านธุรกิจได้ เช่นด้านบัญชี การเงิน การตลาด การจัดการด้านปฏิบัติการ และการจัดการทรัพยากรมนุษย์
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 6.2
1.ตอบ เนื่องจากพวกเขามีทางเลือกมากกว่าแคตาล็อก ลูกค้าสามารถเลือกหนังสือได้มากกว่า
2.ตอบ เห็นด้วยเพราะ การวางใบสั่งซื้อออนไลน์โดยเฉลี่ยแล้วใกล้เคียงกับการจัดซื้อผ่านระบบไปรษณีย์
3.ตอบ มีการสร้างทางเลือกที่หลากหลาย
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
1.ตอบ เช่น ความสามารถของเลเซอร์ และเทคโนโลยีการจำด้วยการมองเห็น
2.ตอบ โรงงานได้ผลิตท่อนซุงที่ตรงกับสภาวะความเปลี่ยนในตลาดโดยอยู่บนพื้นฐานสารสนเทศที่ได้รับจากระบบข้อมูลการตลาดที่ชาญฉลาด
3.ตอบ มีหลายทางทีจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานที่ต้องกระทำในธุรกิจ เพื่อแก้ปัญหาและสร้างโอกาสในธุรกิจ และในฐานะที่เป็นผู้ใช้ เราต้องมีความเข้าใจพื้นฐานระบบสารสนเทศ สามารถสนองความต้องการการใช้งานด้านธุรกิจได้ เช่นด้านบัญชี การเงิน การตลาด การจัดการด้านปฏิบัติการ และการจัดการทรัพยากรมนุษย์
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 6.2
1.ตอบ เนื่องจากพวกเขามีทางเลือกมากกว่าแคตาล็อก ลูกค้าสามารถเลือกหนังสือได้มากกว่า
2.ตอบ เห็นด้วยเพราะ การวางใบสั่งซื้อออนไลน์โดยเฉลี่ยแล้วใกล้เคียงกับการจัดซื้อผ่านระบบไปรษณีย์
3.ตอบ มีการสร้างทางเลือกที่หลากหลาย
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
สรุปบทที่ 6
ระบบสารสนเทศสำหรับการปฏิบัติงานทางธุรกิจ
ระบบ (System)
คือส่วนต่าง ๆ เข้ามารวมกันเพื่อทำหน้าที่ให้ส่วนรวมบรรลุเป้าหมาย
ระบบประกอบด้วย ระบบย่อย (Subsystem) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ มี 2 แบบ
1. แบบปิด (closed system) ไม่เกี่ยวข้องกับระบบอื่นเลย
2. แบบเปิ ด (open system) มีช่องทางสัมพันธ์ติดต่อกับรายอื่น
ระบบสารสนเทศ และการบริหาร ที่ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจ Information
1. ความคิดเชิงระบบ (systems thinking) มีระบบของการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง คิดให้รอบคอบทั่วถึง มองหา วิธีแก้ปัญหาหลาย ๆด้าน ต้นทุน และเลือกวิธีการที่ดี
2. การทำงานเปลี่ยนจากแบบมาคนเดียว เป็นแบบทำงานเป็นทีม หรือกลุ่มงาน โดยอาศัยความเห็นแลกเปลี่ยน แนวความคิดได้ต้องผสม กันระหว่างคนและเครื่อง ทำให้ทำงานได้มากขึ้น เครื่อง Computer เก็บข้อมูลได้มากกว่าคน
3. การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการบริหารองค์กรข้อมูล (Data) People บุคลากร HW. เครื่อง Procedures กฎเกณฑ์ในการทำงาน คู่มือปฏิบัติงาน SW. โปรแกรม Networke เครือข่ายสื่อสาร
4. การประมวลผลข้อมูลแบ่งออกเป็น 4 ส่วน (ด้วยเครื่อง Computer) เก็บรวบรวมข้อมูล (Input) คำนวณและประมวลผล (Data processing) แสดงผล (Output) storage (จัดเก็บข้อมูลที่ได้ประมวลผล)
คุณลักษณะของระบบสารสนเทศต่าง ๆ แบ่งตามลักษณะระบบการจัดเก็บข้อมูล Iss From Recording Transactions to Providing Expertise
1. Transaction Processing Systems (TPS) ระบบธุรกรรม บันทึกรายการข้อมูลที่เกิดขึ้น เป็น DATA ยังไม่เป็น IS ระบบถอนเงินสด ATM.
2. Management Report Systems (MRS)ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ รับข้อมูลมาจากระบบ TPS มาทำการประมวลผล ระบบ MRS ประมวลผลโดยการสรุปข้อมูลที่ได้รับเข้ามาเป็นจำนวนมาก เป็นรายงานแยกตามหมวดหมู่ที่เหมาะสม เพื่อการนำเสนอผู้บริหารด้วยรายงาน รายงานประจำเดือน ประจำปี ข้อมูลสรุปหรือการปรับเปลี่ยน
3. Decision support System (DSS) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ สนับสนุนการทำงาน ของผู้บริหารในระดับกลาง ช่วยในการ
ตัดสินใจแก้ปัญหาแบบทั้งมีโครงสร้าง คือปัญหาที่มีความไม่แน่นอนเข้ามาเกี่ยวข้อง มีลักษณะเฉพาะตัวและมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทำให้ไม่สามารถกำหนดวิธีแก้ไขล่วงหน้าได้ ระบบนี้จะต้องมีการตอบสนองที่ดี
4. Executive Information Systems (EIS) การเก็บข้อมูลรวบรวมมาสรุปโดยรวมเร็วทันใด ใช้ในการควบคุมแผน
5. Expert System (ES) ระบบที่ทำงานแบบเชี่ยวชาญ สามารถตอบและให้คำแนะนำออกมาด้วยสรุป
6. Geographic Information Systems (GIS) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ พื้นดิน ผิวโลก ภูเขา
7. On - demand Output ระบบที่สามารถให้ผลลัพธ์ตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการผลลัพธ์ได้เอง
ระบบสารสนเทศ แบ่งตามระบบธุรกิจ
Accounting สารสนเทศสำหรับฝ่ายการบัญชี (Accounting) รับผิดชอบในการรักษาและจัดการรายการ หลักฐานเกี่ยวกับการเงิน ขององค์กร รายรับรายจ่ายขององค์กร ปัญหาในการบริหารจัดการและการติดตามรายการธุรกรรมเกี่ยวกับการหมุนเวียนทรัพย์สิน และเงินขององค์กร
Finance สารสนเทศสำหรับฝ่ายการเงิน (Finance) มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินขององค์กร เงินสด หุ้น พันธบัตร เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากทรัพย์สิน รับผิดชอบในเรื่องของการลงทุน
Marketing สารสนเทศด้านการตลาด (marketing) วิเคราะห์สินค้าที่กลุ่มลูกค้าต้องการ แนะนำลูกค้าให้รู้จักสินค้า กำหนดกลุ่มลูกค้า
Human Resources สารสนเทศสำหรับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) สนับสนุนในการเลือกสรรบุคลากร จัดการรักษาระเบียบข้อมูลบุคลากรให้มีความสมบูรณ์ และสร้างสรรกิจกรรมที่กระตุ้น ให้บุคลากรเกิดความคิดสร้างสรรและทักษะในการปฏิบัติงาน
ระบบสารสนเทศแตกต่างกันในส่วนของธุรกิจต่าง ๆ Iss in Different Business Sectors
Manufacturing : กระบวนการผลิตสินค้า สร้างวางแผนความต้องการวัสดุ โดยกำหนดเวลาที่รวดเร็ว บริหารคลังสินค้า การซื้อการนำส่ง วางแผนการผลิต การบำรุงรักษา โรงงานและอุปกรณ์
Government : ระบบภาษี ระบบประกันสังคม
Service : ระบบสารสนเทศในการให้บริการเชื่อมโยงกับองค์กรต่าง ๆ
Retail : ร้านขายปลีก ปัจจุบันสามารถใช้เครือข่ายดาวเทียม การบริหารสามารถกำหนดรายการสั่งซื้อได้รวดเร็
New Businesses : ระบบธุรกิจใหม่ สามารถให้บริการโดยใช้ Credit Report
Shared Data Resources : นำข้อมูลมาแบ่งกันใช้ ถ้าเก็บข้อมูลไว้เองอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้ข้อมูลไม่ตรงกัน
E - Commerce : การใช้ Internet ในการขายสินค้า ซื้อขาย - ผ่อน
1. Business - to - Business b to b หรืออีกแบบ Business - to - Consumer b to c
2. อาศัยฐานข้อมูลในการเก็บเพื่อการเชื่อมโยง
3. e - commerce ยังมีปัญหาเรื่องของการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต
ระบบสารสนเทศ (ผลการศึกษา)
Knowledge workers : การทำงานชุดใหม่ต้องใช้ความรู้มากกว่าชุดเก่า
Degrees in Is : วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และการบริหารจัดการสารสนเทศ
Information systems careers : อาชีพ ดำเนินอาชีพ : นักวิเคราะห์ระบบ นักวางแผน DBA ผู้ดูแลเครือข่ายระบบสารสนเทศที่ไม่ควรให้การเผยแพร่
1. Consumer Privacy : ข้อมูลส่วนตัว ไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องราวของลูกค้า พนักงาน ถ้าเป็นข้อมูลผิด ๆ ถ้าคนอื่นเอาไปก็มีปัญหา
2. Employee Privacy : ข้อมูลลูกค้า (ส่วนตัว)
3. Freedom of Speech : ระวังในบางเรื่อง
4. IT Professionalism : วิชาชีพ IT ต้องมีจริยธรรม
5. Social Inequality : มีคนจำนวนน้อยที่เข้าถึง Internet ควรจะมีคนมาก ๆ เพื่อรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี
ทั้งหมดที่กล่าวอ้างขึ้นมานีเป็นหลักหัวใจในการบริหาร พัฒนาองค์กร ทางด้าน IT และ Business ให้เดินทางควบคู่ไปด้วยกัน หากแต่ว่าองค์กรใด หรือผู้สนใจจะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้นั้น ต้องรุ้ถึงจุดประสงค์และที่มาของธุรกิจของ หน่ยงานและ องค์กรณ์ของตัวเองให้ครบถ้วนก่อน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
ระบบ (System)
คือส่วนต่าง ๆ เข้ามารวมกันเพื่อทำหน้าที่ให้ส่วนรวมบรรลุเป้าหมาย
ระบบประกอบด้วย ระบบย่อย (Subsystem) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ มี 2 แบบ
1. แบบปิด (closed system) ไม่เกี่ยวข้องกับระบบอื่นเลย
2. แบบเปิ ด (open system) มีช่องทางสัมพันธ์ติดต่อกับรายอื่น
ระบบสารสนเทศ และการบริหาร ที่ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจ Information
1. ความคิดเชิงระบบ (systems thinking) มีระบบของการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง คิดให้รอบคอบทั่วถึง มองหา วิธีแก้ปัญหาหลาย ๆด้าน ต้นทุน และเลือกวิธีการที่ดี
2. การทำงานเปลี่ยนจากแบบมาคนเดียว เป็นแบบทำงานเป็นทีม หรือกลุ่มงาน โดยอาศัยความเห็นแลกเปลี่ยน แนวความคิดได้ต้องผสม กันระหว่างคนและเครื่อง ทำให้ทำงานได้มากขึ้น เครื่อง Computer เก็บข้อมูลได้มากกว่าคน
3. การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการบริหารองค์กรข้อมูล (Data) People บุคลากร HW. เครื่อง Procedures กฎเกณฑ์ในการทำงาน คู่มือปฏิบัติงาน SW. โปรแกรม Networke เครือข่ายสื่อสาร
4. การประมวลผลข้อมูลแบ่งออกเป็น 4 ส่วน (ด้วยเครื่อง Computer) เก็บรวบรวมข้อมูล (Input) คำนวณและประมวลผล (Data processing) แสดงผล (Output) storage (จัดเก็บข้อมูลที่ได้ประมวลผล)
คุณลักษณะของระบบสารสนเทศต่าง ๆ แบ่งตามลักษณะระบบการจัดเก็บข้อมูล Iss From Recording Transactions to Providing Expertise
1. Transaction Processing Systems (TPS) ระบบธุรกรรม บันทึกรายการข้อมูลที่เกิดขึ้น เป็น DATA ยังไม่เป็น IS ระบบถอนเงินสด ATM.
2. Management Report Systems (MRS)ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ รับข้อมูลมาจากระบบ TPS มาทำการประมวลผล ระบบ MRS ประมวลผลโดยการสรุปข้อมูลที่ได้รับเข้ามาเป็นจำนวนมาก เป็นรายงานแยกตามหมวดหมู่ที่เหมาะสม เพื่อการนำเสนอผู้บริหารด้วยรายงาน รายงานประจำเดือน ประจำปี ข้อมูลสรุปหรือการปรับเปลี่ยน
3. Decision support System (DSS) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ สนับสนุนการทำงาน ของผู้บริหารในระดับกลาง ช่วยในการ
ตัดสินใจแก้ปัญหาแบบทั้งมีโครงสร้าง คือปัญหาที่มีความไม่แน่นอนเข้ามาเกี่ยวข้อง มีลักษณะเฉพาะตัวและมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทำให้ไม่สามารถกำหนดวิธีแก้ไขล่วงหน้าได้ ระบบนี้จะต้องมีการตอบสนองที่ดี
4. Executive Information Systems (EIS) การเก็บข้อมูลรวบรวมมาสรุปโดยรวมเร็วทันใด ใช้ในการควบคุมแผน
5. Expert System (ES) ระบบที่ทำงานแบบเชี่ยวชาญ สามารถตอบและให้คำแนะนำออกมาด้วยสรุป
6. Geographic Information Systems (GIS) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ พื้นดิน ผิวโลก ภูเขา
7. On - demand Output ระบบที่สามารถให้ผลลัพธ์ตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการผลลัพธ์ได้เอง
ระบบสารสนเทศ แบ่งตามระบบธุรกิจ
Accounting สารสนเทศสำหรับฝ่ายการบัญชี (Accounting) รับผิดชอบในการรักษาและจัดการรายการ หลักฐานเกี่ยวกับการเงิน ขององค์กร รายรับรายจ่ายขององค์กร ปัญหาในการบริหารจัดการและการติดตามรายการธุรกรรมเกี่ยวกับการหมุนเวียนทรัพย์สิน และเงินขององค์กร
Finance สารสนเทศสำหรับฝ่ายการเงิน (Finance) มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินขององค์กร เงินสด หุ้น พันธบัตร เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากทรัพย์สิน รับผิดชอบในเรื่องของการลงทุน
Marketing สารสนเทศด้านการตลาด (marketing) วิเคราะห์สินค้าที่กลุ่มลูกค้าต้องการ แนะนำลูกค้าให้รู้จักสินค้า กำหนดกลุ่มลูกค้า
Human Resources สารสนเทศสำหรับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) สนับสนุนในการเลือกสรรบุคลากร จัดการรักษาระเบียบข้อมูลบุคลากรให้มีความสมบูรณ์ และสร้างสรรกิจกรรมที่กระตุ้น ให้บุคลากรเกิดความคิดสร้างสรรและทักษะในการปฏิบัติงาน
ระบบสารสนเทศแตกต่างกันในส่วนของธุรกิจต่าง ๆ Iss in Different Business Sectors
Manufacturing : กระบวนการผลิตสินค้า สร้างวางแผนความต้องการวัสดุ โดยกำหนดเวลาที่รวดเร็ว บริหารคลังสินค้า การซื้อการนำส่ง วางแผนการผลิต การบำรุงรักษา โรงงานและอุปกรณ์
Government : ระบบภาษี ระบบประกันสังคม
Service : ระบบสารสนเทศในการให้บริการเชื่อมโยงกับองค์กรต่าง ๆ
Retail : ร้านขายปลีก ปัจจุบันสามารถใช้เครือข่ายดาวเทียม การบริหารสามารถกำหนดรายการสั่งซื้อได้รวดเร็
New Businesses : ระบบธุรกิจใหม่ สามารถให้บริการโดยใช้ Credit Report
Shared Data Resources : นำข้อมูลมาแบ่งกันใช้ ถ้าเก็บข้อมูลไว้เองอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้ข้อมูลไม่ตรงกัน
E - Commerce : การใช้ Internet ในการขายสินค้า ซื้อขาย - ผ่อน
1. Business - to - Business b to b หรืออีกแบบ Business - to - Consumer b to c
2. อาศัยฐานข้อมูลในการเก็บเพื่อการเชื่อมโยง
3. e - commerce ยังมีปัญหาเรื่องของการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต
ระบบสารสนเทศ (ผลการศึกษา)
Knowledge workers : การทำงานชุดใหม่ต้องใช้ความรู้มากกว่าชุดเก่า
Degrees in Is : วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และการบริหารจัดการสารสนเทศ
Information systems careers : อาชีพ ดำเนินอาชีพ : นักวิเคราะห์ระบบ นักวางแผน DBA ผู้ดูแลเครือข่ายระบบสารสนเทศที่ไม่ควรให้การเผยแพร่
1. Consumer Privacy : ข้อมูลส่วนตัว ไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องราวของลูกค้า พนักงาน ถ้าเป็นข้อมูลผิด ๆ ถ้าคนอื่นเอาไปก็มีปัญหา
2. Employee Privacy : ข้อมูลลูกค้า (ส่วนตัว)
3. Freedom of Speech : ระวังในบางเรื่อง
4. IT Professionalism : วิชาชีพ IT ต้องมีจริยธรรม
5. Social Inequality : มีคนจำนวนน้อยที่เข้าถึง Internet ควรจะมีคนมาก ๆ เพื่อรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดี
ทั้งหมดที่กล่าวอ้างขึ้นมานีเป็นหลักหัวใจในการบริหาร พัฒนาองค์กร ทางด้าน IT และ Business ให้เดินทางควบคู่ไปด้วยกัน หากแต่ว่าองค์กรใด หรือผู้สนใจจะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้นั้น ต้องรุ้ถึงจุดประสงค์และที่มาของธุรกิจของ หน่ยงานและ องค์กรณ์ของตัวเองให้ครบถ้วนก่อน
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามท้ายบทที่ 5
1.ตอบ ธุรกิจเครื่องสำอาง โภชนาการ และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษา เป็นต้น
2. ตอบ เห็นด้วย เพราะ ข้อได้เปรียบของการพูดคุย คือ การบันทึกและเก็บถ้อยคำโต้ตอบของผู้เข้าร่วมสนทนาได้ทั้งหมด จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการกระตุ้นการมีส่วนร่วมมือของลูกค้าและพนักงาน
3. ตอบ 1.เทคโนโลยีใหม่ที่ค่อยเป็นค่อยไป
2.ขาดคุณสมบัติในเรื่องความปลอดภัย
3.ขาดการจัดการปฏิบัติงาน
4.การสนับสนุนจากผู้ใช้ต่ำสุด
5.สารสนเทศไม่ได้กรองอาจจะท่วมผู่ใช้
4. ตอบ เห็นด้วย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ต้นทุนต่ำและใกล้จะเป็นการสื่อสารสากลช่วยในการส่งโทรสาร รับไปรณีย์เสียง และนำไปสู่การสนทนาสองทาง
5. ตอบ ธุรกิจ Sun Microsystems และ ธูรกิจ 3M Frontier
6.ตอบ ธุรกิจ Countrywide Heme Loans และ ธุรกิจ Nu Skin International
7. ตอบ เคย ระบบเหล่านี้ช่วยในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกัน คือ การถ่ายทอกสารสนเทศไปยังผู้รับและอนุญาติให้เสนอความคิดเห็นได้ ช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ร่วมงาน
8. ตอบ 1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
2.งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ
3.การส่งโทรสาร
4.ไปรษณีย์เสียง
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
2. ตอบ เห็นด้วย เพราะ ข้อได้เปรียบของการพูดคุย คือ การบันทึกและเก็บถ้อยคำโต้ตอบของผู้เข้าร่วมสนทนาได้ทั้งหมด จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการกระตุ้นการมีส่วนร่วมมือของลูกค้าและพนักงาน
3. ตอบ 1.เทคโนโลยีใหม่ที่ค่อยเป็นค่อยไป
2.ขาดคุณสมบัติในเรื่องความปลอดภัย
3.ขาดการจัดการปฏิบัติงาน
4.การสนับสนุนจากผู้ใช้ต่ำสุด
5.สารสนเทศไม่ได้กรองอาจจะท่วมผู่ใช้
4. ตอบ เห็นด้วย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่ต้นทุนต่ำและใกล้จะเป็นการสื่อสารสากลช่วยในการส่งโทรสาร รับไปรณีย์เสียง และนำไปสู่การสนทนาสองทาง
5. ตอบ ธุรกิจ Sun Microsystems และ ธูรกิจ 3M Frontier
6.ตอบ ธุรกิจ Countrywide Heme Loans และ ธุรกิจ Nu Skin International
7. ตอบ เคย ระบบเหล่านี้ช่วยในการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกัน คือ การถ่ายทอกสารสนเทศไปยังผู้รับและอนุญาติให้เสนอความคิดเห็นได้ ช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ร่วมงาน
8. ตอบ 1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
2.งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ
3.การส่งโทรสาร
4.ไปรษณีย์เสียง
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 5
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 5.1
1. ตอบ ความก้าวหน้าและการเจริญเติบโตของอินทราเน็ต อินทราเน็ตสามารถทำให้เข้าใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี World Wide Web เพื่อสนับสนุนการติดต่อสื่อสารการร่วมมือและกระบวนการธุรกิจผ่านเครือข่าย
2. ตอบ จากการประหยัดได้หลายล้านในทุกอย่าง จากต้นทุนการพิมพ์ไปจนถึงชั่วโมงการทำงานของพนักงาน เช่น โปรแกรมประยุกต์ ต้นทุน / ประมาณการประหยัด
3. ตอบ -การติดต่อสื่อสารและความร่วมมือระหว่างพนักงานที่ง่ายขึ้น
-Global Village ช่วยให้พนักงานทำกระบวนการธุรกิจหลักให้สำเร็จได้รวดเร็วขึ้นและสะดวกสบายมากกว่าระบบเดิม
-อินทราเน็ต US West เป็นต้นทุนที่มีประสิทธิผล
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 5.2
1. ตอบ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานทั้งการพิมพ์ ไปรษณีย์ และการสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย ผลประโยชน์ที่คาดหวัง คือ ทำให้เกิดการผลักดันในเรื่องการแข่งขันและจูงใจตัวแทนจำหน่ายรายใหม่
2. ตอบ ได้ทำงานเมื่อต้องการทำ ได้รับสารสนเทศที่ต้องการในเวลาที่ต้องการ
3.ตอบ คือ การลงทุนในบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นการจ่ายคืนในทันที
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
1. ตอบ ความก้าวหน้าและการเจริญเติบโตของอินทราเน็ต อินทราเน็ตสามารถทำให้เข้าใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี World Wide Web เพื่อสนับสนุนการติดต่อสื่อสารการร่วมมือและกระบวนการธุรกิจผ่านเครือข่าย
2. ตอบ จากการประหยัดได้หลายล้านในทุกอย่าง จากต้นทุนการพิมพ์ไปจนถึงชั่วโมงการทำงานของพนักงาน เช่น โปรแกรมประยุกต์ ต้นทุน / ประมาณการประหยัด
3. ตอบ -การติดต่อสื่อสารและความร่วมมือระหว่างพนักงานที่ง่ายขึ้น
-Global Village ช่วยให้พนักงานทำกระบวนการธุรกิจหลักให้สำเร็จได้รวดเร็วขึ้นและสะดวกสบายมากกว่าระบบเดิม
-อินทราเน็ต US West เป็นต้นทุนที่มีประสิทธิผล
คำถามกรณีศึกษาบทที่ 5.2
1. ตอบ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานทั้งการพิมพ์ ไปรษณีย์ และการสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย ผลประโยชน์ที่คาดหวัง คือ ทำให้เกิดการผลักดันในเรื่องการแข่งขันและจูงใจตัวแทนจำหน่ายรายใหม่
2. ตอบ ได้ทำงานเมื่อต้องการทำ ได้รับสารสนเทศที่ต้องการในเวลาที่ต้องการ
3.ตอบ คือ การลงทุนในบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นการจ่ายคืนในทันที
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
สรุปบทที่ 5
อินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตและอินเทอร์เน็ต
อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายภายในองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมือนอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร เพื่อการแบ่งปันสารสนเทศ การติดต่อสื่อสาร ความร่วมมือ และการสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจ อินทราเน็ตได้รับการป้องกันด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
การประยุกต์ใช้อินทราเน็ต
บริษัทต่างๆใช้เทคโนโลยีอินทราเน็ตเพื่อการสืบค้นข้อมูล เป็นเครื่องมือความร่วมมือ เก็บประวัติส่วนตัวของลูกค้า เชื่อต่อไปยังอินเทอร์เน็ต และคิดว่าการลงทุนในอินทราเน็ตเป็นเรื่องพื้นฐานเหมือนการติดตั้งโทรศัพท์ให้แกพนักงาน
การสื่อสารและความร่วมมือ อินทราเน็ตสามารถปรับปรุงและความมือภายในองค์กร
งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ มีความง่าย ความสวยงามน่าสนใจ ต้นทุนที่ต่ำของการจัดพิมพ์และการเข้าถึงสารสนเทศธุรกิจสื่อประสมภายในผ่านเว็บไซท์อินอินทราเน็ต
การดำเนินธุรกิจและการจัดการ อินทราเน็ตถูกใช้เป็นฐานงานสำหรับการพัฒนาและนำมาใช้กับโปรแกรมประยุกต์ธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและตัดสินใจด้านการจัดการระหว่างองค์กร
จากอินทราเน็ตของ Sun ทำให้ได้ความคิดที่ดีสำหรับโปรแกรมประยุกต์และบริการที่ธุรกิจสามารถนำมาให้พนักงานใช้บนอินทราเน็ต ดังนี้
-การเรียกดู 3 แบบ ได้แก่ การเรียกดูระดับองค์กร การเรียกดูตามหน้าที่ และ
การเรียกดูตามภูมิศาสตร์
-มีอะไรใหม่ๆ -การเดินทาง
-ห้องสมุดและการศึกษา -ทรัพยากรมนุษย์และสิทธิประโยชน์
-การตลาดและการขาย -วิทยาเขตของ Sun
-สารบัญแฟ้มผลิตภัณฑ์ -ชุดบริการ
-สารสนเทศทางวิศวกรรม -ชุดเครื่องมือก่อสร้าง
ทรัพยากรเทคโนโลยีอินทราเน็ตอินทราเน็ตเป็นเครือข่ายภายในองค์กรที่มีลักษณะเหมือนอินเทอร์เน็ต ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นไปได้ ดังนั้น อินทราเน็ตจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของเว็บบราวเซอร์ แม่ข่าย เครือข่ายรับและให้บริการ และฐานข้อมูลสื่อหลายมิติที่สามารถเข้าถึงได้บนอินทราเน็ตและ WWW
มูลค่าทางธุรกิจของอินทราเน็ต
-การประหยัดต้นทุนงานสิ่งพิมพ์ ช่วยลดการพิมพ์ การส่งไปรษณีย์ และการกระจายต้นทุน
-การประหยัดต้นทุนการอบรมและการพัฒนา การเข้าถึงสารสนเทศและโปรแกรมประยุกต์จัดพิมพ์เว็บสำหรับอินทราเน็ตที่ง่ายกว่าวิธีการเดิมมาก
บทบาทของเอ็กซ์ทราเน็ต
ธุรกิจยังคงใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแบบเปิดหรือเอ็กซ์ทราเน็ตอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและหุ้นส่วน ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน ในการพัฒนาสินค้าและเพิ่มความเป็นหุ้นส่วน
มูลค่าทางธุรกิจของเอ็กซ์ทราเน็ตได้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยีเว็บบราวเซอร์ของเอ็กซ์เน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตทำให้บริษัทสามารถเสนอบริการเชิงเว็บประเภทใหม่ที่น่าสนใจให้แก่หุ้นส่วนทางธุรกิจ
ระบบความร่วมมือองค์กร
เป้าหมายของระบบความร่วมมือองค์กร คือ การสามารถทำงานร่วมกันที่ง่ายขึ้นมีประสิทธิภาพขึ้น ดังนี้
-การติดต่อสื่อสาร แบ่งปันสารสนเทศกับผู้อื่น
-การประสานงาน ประสานความพยายามในเรื่องงานของแต่ละบุคคลและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
-ความร่วมมือ ทำงานร่วมกันในโครงการร่วมและงานที่ได้รับมอบหมาย
ส่วนประกอบของระบบความร่วมมือองค์กร
เป็นระบบสารสนเทศ ดังนั้น จึงใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ข้อมูลและครือข่าย เพื่อนสนับสนุนการติดต่อสื่อสาร การประสานงาน และความร่วมมือระหว่างสมาของทีม
กรุ๊ปแวร์สำหรับความร่วมมือองค์กร กรุ๊ปแวร์ หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนใช้สารสนเทศร่วมกันกับผู้อื่นและทำงานร่วมกันในหลายๆโครงการ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน โปรแกรมการจัดการติดต่อบนเครือข่ายสำเร็จรูปและไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงโปรแกรมการใช้เอกสารร่วมกัน
เครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
-ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในธุรกิจ
-โทรศัพท์อินเทอร์เน็ตและโทรสาร เป็นเครื่องมือที่ต้นทุนต่ำและใกล้ที่จะเป็นสื่อสารสากลช่วยในการส่งโทรสาร รับไปรษณีย์เสียง และนำสู้การสนทนาสองทาง
-งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ เป็นเครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญสำหรับความร่วมมือองค์กร ได้แก่ ซอฟต์แวร์โปรแกรมประยุกต์
เครื่องมือการประชุมอิเล็กทรอนิกส์
ช่วยให้ผู้ใช้ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งปันสารสนเทศทำงานร่วมกันที่ได้รับหมอบหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม
-การประชุมข้อมูล ผู้ใช้ที่เครื่องลูกข่าย สามารถเรียกดูแก้ไข ปรับปรุง บันทึกการแก้ไขลงที่กระดาษสีขาว เอกสาร และสิ่งอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกัน
-การประชุมเสียง การสนทนาทางโทรศัพท์ร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนร่วมผ่านทางโทรศัพท์หรือเครื่องลูกข่ายด้วยซอฟต์แวร์โทรศัพท์อินเทอร์เน็ต
-การประชุมทางวีดีทัศน์ แบบทันทีและการประชุมทางไกลโดยเสียง ระหว่างผู้ใช้ที่เครื่องลูกข่ายหรือระหว่างผู้มีส่วนร่วมในห้องประชุมที่ต่างสถาบันกัน รวมการใช้กระดาษสีขาวและการแบ่งปันเอกสาร
-กลุ่มหรือชุมชนสนทนา เตรียมระบบสารสนเทศเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อกระตุ้นและจัดการสนทนาข้อความแบบออนไลน์ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างสมาชิกกลุ่มที่มีความสนใจพิเศษหรือทีมโครงการ
-ระบบพูดคุย การทำให้ผู้ใช้สองคนหรือมากกว่าบนเครื่องลูกข่ายสามารถสนทนาข้อความแบบออนไลน์ได้แบบทันที
-ระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ห้องประชุมกับเครื่องลูกข่าย โดยเครื่องฉายภาพจอภาพขนาดใหญ่ และซอฟต์แวร์ EMS เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร การให้ความร่วมมือและการตัดสินใจของกลุ่มในระหว่างการประชุมทางธุรกิจ
เครื่องมือการจัดการงานที่ทำร่วมกัน
ช่วยให้คนทำงานได้สำเร็จหรือจัดการกิจกรรมที่ทำงานร่วมกัน
-ปฎิทินและกำหนดการ การใช้ปฏิทินอิเล็กทรอนิกส์และคุณสมบัติอื่นของกรุ๊ปแวร์เพื่อทำกำหนดการ บอกล่าว หรือเตือนอัตโนมัติแก่สมาชิกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของทีมและกลุ่มร่วมงานของการประชุม การนัดหมายและเหตุการณ์อื่นๆ
-งานและการจัดการโครงการ จัดการทีมและกลุ่มร่วมงานโครงการด้วยกำหนดการ การติดตามและทำแผนภูมิสถานะความสำเร็จของงานภายใต้โครงการ
-ระบบกระแสงาน ช่วยให้คนงานที่มีความรู้เครือข่ายร่วมมือเพื่อทำงานให้สำเร็จและจัดการการไหลของงานที่มีโครงสร้างและการประมวลผลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ภายในกระบวนการทางธุรกิจ
-การจัดการความรู้ จัดระเบียบและแบ่งปันแบบฟอร์มของสารสนเทศทางธุรกิจที่สร้างภายในองค์กร รวมทั้งการจัดการโครงการและห้องสมุดเอกสารองค์กร ฐานข้อมูลการสนทนา ฐานข้อมูลเว็บไซท์สื่อหลายมิติ และฐานความรู้ประเภทอื่นๆ
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายภายในองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมือนอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร เพื่อการแบ่งปันสารสนเทศ การติดต่อสื่อสาร ความร่วมมือ และการสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจ อินทราเน็ตได้รับการป้องกันด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
การประยุกต์ใช้อินทราเน็ต
บริษัทต่างๆใช้เทคโนโลยีอินทราเน็ตเพื่อการสืบค้นข้อมูล เป็นเครื่องมือความร่วมมือ เก็บประวัติส่วนตัวของลูกค้า เชื่อต่อไปยังอินเทอร์เน็ต และคิดว่าการลงทุนในอินทราเน็ตเป็นเรื่องพื้นฐานเหมือนการติดตั้งโทรศัพท์ให้แกพนักงาน
การสื่อสารและความร่วมมือ อินทราเน็ตสามารถปรับปรุงและความมือภายในองค์กร
งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ มีความง่าย ความสวยงามน่าสนใจ ต้นทุนที่ต่ำของการจัดพิมพ์และการเข้าถึงสารสนเทศธุรกิจสื่อประสมภายในผ่านเว็บไซท์อินอินทราเน็ต
การดำเนินธุรกิจและการจัดการ อินทราเน็ตถูกใช้เป็นฐานงานสำหรับการพัฒนาและนำมาใช้กับโปรแกรมประยุกต์ธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและตัดสินใจด้านการจัดการระหว่างองค์กร
จากอินทราเน็ตของ Sun ทำให้ได้ความคิดที่ดีสำหรับโปรแกรมประยุกต์และบริการที่ธุรกิจสามารถนำมาให้พนักงานใช้บนอินทราเน็ต ดังนี้
-การเรียกดู 3 แบบ ได้แก่ การเรียกดูระดับองค์กร การเรียกดูตามหน้าที่ และ
การเรียกดูตามภูมิศาสตร์
-มีอะไรใหม่ๆ -การเดินทาง
-ห้องสมุดและการศึกษา -ทรัพยากรมนุษย์และสิทธิประโยชน์
-การตลาดและการขาย -วิทยาเขตของ Sun
-สารบัญแฟ้มผลิตภัณฑ์ -ชุดบริการ
-สารสนเทศทางวิศวกรรม -ชุดเครื่องมือก่อสร้าง
ทรัพยากรเทคโนโลยีอินทราเน็ตอินทราเน็ตเป็นเครือข่ายภายในองค์กรที่มีลักษณะเหมือนอินเทอร์เน็ต ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นไปได้ ดังนั้น อินทราเน็ตจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของเว็บบราวเซอร์ แม่ข่าย เครือข่ายรับและให้บริการ และฐานข้อมูลสื่อหลายมิติที่สามารถเข้าถึงได้บนอินทราเน็ตและ WWW
มูลค่าทางธุรกิจของอินทราเน็ต
-การประหยัดต้นทุนงานสิ่งพิมพ์ ช่วยลดการพิมพ์ การส่งไปรษณีย์ และการกระจายต้นทุน
-การประหยัดต้นทุนการอบรมและการพัฒนา การเข้าถึงสารสนเทศและโปรแกรมประยุกต์จัดพิมพ์เว็บสำหรับอินทราเน็ตที่ง่ายกว่าวิธีการเดิมมาก
บทบาทของเอ็กซ์ทราเน็ต
ธุรกิจยังคงใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแบบเปิดหรือเอ็กซ์ทราเน็ตอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและหุ้นส่วน ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน ในการพัฒนาสินค้าและเพิ่มความเป็นหุ้นส่วน
มูลค่าทางธุรกิจของเอ็กซ์ทราเน็ตได้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยีเว็บบราวเซอร์ของเอ็กซ์เน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตทำให้บริษัทสามารถเสนอบริการเชิงเว็บประเภทใหม่ที่น่าสนใจให้แก่หุ้นส่วนทางธุรกิจ
ระบบความร่วมมือองค์กร
เป้าหมายของระบบความร่วมมือองค์กร คือ การสามารถทำงานร่วมกันที่ง่ายขึ้นมีประสิทธิภาพขึ้น ดังนี้
-การติดต่อสื่อสาร แบ่งปันสารสนเทศกับผู้อื่น
-การประสานงาน ประสานความพยายามในเรื่องงานของแต่ละบุคคลและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
-ความร่วมมือ ทำงานร่วมกันในโครงการร่วมและงานที่ได้รับมอบหมาย
ส่วนประกอบของระบบความร่วมมือองค์กร
เป็นระบบสารสนเทศ ดังนั้น จึงใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ข้อมูลและครือข่าย เพื่อนสนับสนุนการติดต่อสื่อสาร การประสานงาน และความร่วมมือระหว่างสมาของทีม
กรุ๊ปแวร์สำหรับความร่วมมือองค์กร กรุ๊ปแวร์ หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนใช้สารสนเทศร่วมกันกับผู้อื่นและทำงานร่วมกันในหลายๆโครงการ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน โปรแกรมการจัดการติดต่อบนเครือข่ายสำเร็จรูปและไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงโปรแกรมการใช้เอกสารร่วมกัน
เครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
-ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในธุรกิจ
-โทรศัพท์อินเทอร์เน็ตและโทรสาร เป็นเครื่องมือที่ต้นทุนต่ำและใกล้ที่จะเป็นสื่อสารสากลช่วยในการส่งโทรสาร รับไปรษณีย์เสียง และนำสู้การสนทนาสองทาง
-งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ เป็นเครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญสำหรับความร่วมมือองค์กร ได้แก่ ซอฟต์แวร์โปรแกรมประยุกต์
เครื่องมือการประชุมอิเล็กทรอนิกส์
ช่วยให้ผู้ใช้ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งปันสารสนเทศทำงานร่วมกันที่ได้รับหมอบหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม
-การประชุมข้อมูล ผู้ใช้ที่เครื่องลูกข่าย สามารถเรียกดูแก้ไข ปรับปรุง บันทึกการแก้ไขลงที่กระดาษสีขาว เอกสาร และสิ่งอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกัน
-การประชุมเสียง การสนทนาทางโทรศัพท์ร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนร่วมผ่านทางโทรศัพท์หรือเครื่องลูกข่ายด้วยซอฟต์แวร์โทรศัพท์อินเทอร์เน็ต
-การประชุมทางวีดีทัศน์ แบบทันทีและการประชุมทางไกลโดยเสียง ระหว่างผู้ใช้ที่เครื่องลูกข่ายหรือระหว่างผู้มีส่วนร่วมในห้องประชุมที่ต่างสถาบันกัน รวมการใช้กระดาษสีขาวและการแบ่งปันเอกสาร
-กลุ่มหรือชุมชนสนทนา เตรียมระบบสารสนเทศเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อกระตุ้นและจัดการสนทนาข้อความแบบออนไลน์ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างสมาชิกกลุ่มที่มีความสนใจพิเศษหรือทีมโครงการ
-ระบบพูดคุย การทำให้ผู้ใช้สองคนหรือมากกว่าบนเครื่องลูกข่ายสามารถสนทนาข้อความแบบออนไลน์ได้แบบทันที
-ระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ห้องประชุมกับเครื่องลูกข่าย โดยเครื่องฉายภาพจอภาพขนาดใหญ่ และซอฟต์แวร์ EMS เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร การให้ความร่วมมือและการตัดสินใจของกลุ่มในระหว่างการประชุมทางธุรกิจ
เครื่องมือการจัดการงานที่ทำร่วมกัน
ช่วยให้คนทำงานได้สำเร็จหรือจัดการกิจกรรมที่ทำงานร่วมกัน
-ปฎิทินและกำหนดการ การใช้ปฏิทินอิเล็กทรอนิกส์และคุณสมบัติอื่นของกรุ๊ปแวร์เพื่อทำกำหนดการ บอกล่าว หรือเตือนอัตโนมัติแก่สมาชิกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของทีมและกลุ่มร่วมงานของการประชุม การนัดหมายและเหตุการณ์อื่นๆ
-งานและการจัดการโครงการ จัดการทีมและกลุ่มร่วมงานโครงการด้วยกำหนดการ การติดตามและทำแผนภูมิสถานะความสำเร็จของงานภายใต้โครงการ
-ระบบกระแสงาน ช่วยให้คนงานที่มีความรู้เครือข่ายร่วมมือเพื่อทำงานให้สำเร็จและจัดการการไหลของงานที่มีโครงสร้างและการประมวลผลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ภายในกระบวนการทางธุรกิจ
-การจัดการความรู้ จัดระเบียบและแบ่งปันแบบฟอร์มของสารสนเทศทางธุรกิจที่สร้างภายในองค์กร รวมทั้งการจัดการโครงการและห้องสมุดเอกสารองค์กร ฐานข้อมูลการสนทนา ฐานข้อมูลเว็บไซท์สื่อหลายมิติ และฐานความรู้ประเภทอื่นๆ
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ.3/1
สรุปบทที่ 4
สรุปบทที่ 4
ภาพรวมของการจัดการ: การจัดการฐานข้อมูล
การจัดการทรัพยากรข้อมูล
ข้อมูล เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่จำเป็นในการจัดการเหมือนกับทรัพย์สินอื่นๆ ของธุรกิจ องค์กรต้องมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการดำเนินกิจการภายในและที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมภายนอก
แนวคิดข้อมูลพื้นฐาน
-ตัวอักขระ (Character) ส่วนย่อยของข้อมูลเชิงตรรกะขั้นต้น ตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญญาลักษณ์ 1 ตัว
-เขตข้อมูล(Field) เป็นลำดับต่อไป กลุ่มของอักษร
-ระเบียน(Record) เขตข้อมูลที่สัมพันธ์กันถูกจัดเป้นกลุ่มในรูปแบบระเบียน แสดงการรวบรวมคุณสมบัติที่ใช้อธิบายเอนทิตี
-แฟ้ม(File) กลุ่มของระเบียนที่สัมพันธ์กัน เรียกแฟ้มหรือตาราง
-ฐานข้อมูล(Database) เป็นการรวบรวมแบบบูรณาการของระเบียนหรือออบเจ็กต์ในเชิงตรรกะที่สัมพันธ์กัน
แนวคิดเชิงการจัดการฐานข้อมูล
การพัฒนาฐานข้อมูลและซอฟแวร์จัดการฐานข้อมูล สามารถเข้าถึงได้โดยโปรแกรมประยุกต์ ดังนั้น แนวคิดเชิงการจัดการฐานข้อมูล เกี่ยวข้องกับ 3 กิจกรรมเบื้องต้นคือ
-การปรับปรุงและบำรุงรักษาฐานข้อมูล
-การเตรียมสาระสนเทศที่จำเป็นสำหรับการใช้งาน
-การเตรียมความสามารถในการโต้ตอบ ค้นหา และจัดทำรายงาน
การใช้ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
1.การพัฒนาฐานข้อมูล
โปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล อนุญาตให้ผู้ใช้พัฒนาฐานข้อมูลตามที่ต้องการได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การควบคุมการพัฒนาฐานข้อมูลขององค์กรให้อยู่ในมือของผู้บริหารระบบหรือผู้เชี่ยวชาญฐานข้อมูล ปรับเลี่ยนคุณลักษณะเฉพาะของฐานข้อมูลเมื่อจำเป็น สาระสนเทศถูกจัดทำสารบัญแฟ้มและเก็บลงในฐานข้อมูลและคุณลักษณะเฉพาะ เรียก พจนานุกรมข้อมูล
2.การสืบค้นฐานข้อมูล
ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยใช้ภาษาสอบถามหรือตัวสร้างรายงาน ซึ่งทำให้สามารถรับคำตอบทันทีในรูปแบบของการแสดงทางจอภาพหรือรายงาน
3.การบำรุงรักษาฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลขององค์กรต้องการการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลมาจากรายการเปลี่ยนแปลงใหม่หรือเหตุการณ์อื่นๆ
4.การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
โปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สามารถใช้ภาษาโปรแกรมยุกต์ที่สี่และสร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์จากโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูล
ประเภทของฐานข้อมูล
-ฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ เก็บรายระเอียดของข้อมูลที่ต้องการเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของทั้งองค์กร เรียก ฐานข้อมูลซับเจ๊กแอเรีย
-ฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์ เก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
-คลังข้อมูล เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แกไข จัดมาตรฐานและรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ
-ฐานข้อมูลแบบกระจาย หลายองค์กรทำซ้ำและกระจายสำเนาหรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่ ฐานข้อมูล สามารถติดตั้งอยู่บนเครื่องแม่ข่ายเครือข่าย www
-ฐานข้อมูลผู้ใช้ ประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง
-ฐานข้อมูลภายนอก การเข้าสารสนเทศที่มีค่าของฐานข้อมูลภายนอกจากพาณิชย์บริการต่อรอง โดยจ่ายค่าธรรมเนียมหรือจากแหล่งต่างๆ บทอินทราเน็ต บน www
การพิจารณาเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรข้อมูล
1.การบริหารระบบฐานข้อมูล เป็นสิ่งที่สำคัญในการจัดการทรัพยากรข้อมูลในการใช้เทคโนโลยีจัดการฐานข้อมูลที่เหมาะสม
2.การวางแผนข้อมูล เป็นการวางแผนขององค์กรและการวิเคราะห์หน้าที่ที่เน้นในเรื่องการจัดการทรัพยากรข้อมูล
3.การบริหารข้อมูล เป็นหน้าที่สำคัญของการจัดการทรัพยากรข้อมูลอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดตั้งและบังคับใช้นโยบายและกระบวนคำสั่งสำหรับการจัดการข้อมูล
ประโยชน์และข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูล
เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ที่สำคัญๆ เช่น การลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล การรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเข้าถึงจากหลายโปรแกรมและหลายผู้ใช้ โปรแกรมอิสระจากรูปแบบข้อมูลและประเภทของฮาร์ดแวร์สำหรับจัดเก็บ ผู้ใช้ได้รับรายงานและการสอบถาม การโต้ตอบ เพื่อได้สารสนเทศที่ต้องการโดยง่าย
ข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูลเพิ่มขึ้นเนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่มากขึ้น ดังนั้น ทำให้เกินปัญหาจัดการทรัพยากรข้อมูล การพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประเภทข้อมูลที่ซับซ้อนและการติดตั้ง DBMS ที่ยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
โครงสร้างฐานข้อมูล
1.โครงสร้างเชิงลำดับขั้น ความสัมพันธ์ระหว่างระเบียนเป็นแบบหนึ่งต่อกลุ่ม เพราะแต่ละส่วนย่อยข้อมูลมีความสัมพันธ์กับส่วนย่อยเหนือขึ้นไปเท่านั้น ข้อมูลส่วนย่อยหรือระเบียนที่ระดับสูงที่สุดเรียกว่า ราก
2.โครงสร้างแบบเครือข่าย สามารถแสดงด้วยความสัมพันธ์เชิงตรรกะที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและยังคงใช้โปรแกรมสำเร็จรูป DBMS บนเมนเฟรม ซึ่งอนุญาตความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
3.โครงสร้างเชิงสัมพันธ์ นิยมมากที่สุดมีการนำมาใช้กับโปรแกรมสำเร็จรูป DBMSไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ และระบบเมนเฟรมในแบบจำลองเชิงสัมพันธ์นั้นส่วนย่อยข้อมูลทั้งหมดภายในฐานข้อมูลถูกจัดเก็บ ในรูปแบบตารางที่เรียบง่าย
4.โครงสร้างเชิงหลายมิติ มีความแตกต่างจากแบบจำลองเชิงสัมพันธ์คือใช้โครงสร้างเชิงหลายมิติเพื่อจัดระเบียบข้อมูลและแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล
5.โครงสร้างเชิงวัตถุ แบบจำลองฐานข้อมูลเชิงวัตถุ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญของยุคใหม่ของโปรแกรมประยุกต์สื่อประสมเชิงเว็บ
เทคโนโลยีเชิงวัตถุและเว็บ
การเข้าถึงฐานข้อมูล
-เขตข้อมูลหลัก การที่ระเบียนข้อมูลบรรจุเขตข้อมูลที่เป็นตัวระบุความแตกต่างหนึ่งหรือมากกว่าเป็นกุญแจเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของระเบียน
-การเข้าถึงโดยลำดับ ใช้การจัดระเบียบแบบตามลำดับ ซึ่งระเบียนแบบตามลำดับ ซึ่งระเยนนั้นจัดเก็บทางกายภาพตามลำดับที่กำหนดของเขตข้อมูลหลักแต่ละระเบียน
-การเข้าถึงโดยตรง ระเบียนจะไม่ต้องมีการจัดเรียงตามลำดับในสื่อหน่วยเก็บ โดยคอมพิวเตอร์ยังคงจัดเก็บแนวตำแหน่งบนหน่วยจัดเก็บของแต่ละระเบียนโดยวิธีโดยตรง
การพัฒนาฐานข้อมูล ขนาดเล็กกระทำได้โดยใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลสำเร็จรูปไมโครคอมพิวเตอร์สำหรับการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประเภทข้อมูลที่ซับซ้อนอาจเป็นงานที่ซับซ้อนได้
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ. 3/1
ภาพรวมของการจัดการ: การจัดการฐานข้อมูล
การจัดการทรัพยากรข้อมูล
ข้อมูล เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่จำเป็นในการจัดการเหมือนกับทรัพย์สินอื่นๆ ของธุรกิจ องค์กรต้องมีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการดำเนินกิจการภายในและที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมภายนอก
แนวคิดข้อมูลพื้นฐาน
-ตัวอักขระ (Character) ส่วนย่อยของข้อมูลเชิงตรรกะขั้นต้น ตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญญาลักษณ์ 1 ตัว
-เขตข้อมูล(Field) เป็นลำดับต่อไป กลุ่มของอักษร
-ระเบียน(Record) เขตข้อมูลที่สัมพันธ์กันถูกจัดเป้นกลุ่มในรูปแบบระเบียน แสดงการรวบรวมคุณสมบัติที่ใช้อธิบายเอนทิตี
-แฟ้ม(File) กลุ่มของระเบียนที่สัมพันธ์กัน เรียกแฟ้มหรือตาราง
-ฐานข้อมูล(Database) เป็นการรวบรวมแบบบูรณาการของระเบียนหรือออบเจ็กต์ในเชิงตรรกะที่สัมพันธ์กัน
แนวคิดเชิงการจัดการฐานข้อมูล
การพัฒนาฐานข้อมูลและซอฟแวร์จัดการฐานข้อมูล สามารถเข้าถึงได้โดยโปรแกรมประยุกต์ ดังนั้น แนวคิดเชิงการจัดการฐานข้อมูล เกี่ยวข้องกับ 3 กิจกรรมเบื้องต้นคือ
-การปรับปรุงและบำรุงรักษาฐานข้อมูล
-การเตรียมสาระสนเทศที่จำเป็นสำหรับการใช้งาน
-การเตรียมความสามารถในการโต้ตอบ ค้นหา และจัดทำรายงาน
การใช้ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
1.การพัฒนาฐานข้อมูล
โปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล อนุญาตให้ผู้ใช้พัฒนาฐานข้อมูลตามที่ต้องการได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การควบคุมการพัฒนาฐานข้อมูลขององค์กรให้อยู่ในมือของผู้บริหารระบบหรือผู้เชี่ยวชาญฐานข้อมูล ปรับเลี่ยนคุณลักษณะเฉพาะของฐานข้อมูลเมื่อจำเป็น สาระสนเทศถูกจัดทำสารบัญแฟ้มและเก็บลงในฐานข้อมูลและคุณลักษณะเฉพาะ เรียก พจนานุกรมข้อมูล
2.การสืบค้นฐานข้อมูล
ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยใช้ภาษาสอบถามหรือตัวสร้างรายงาน ซึ่งทำให้สามารถรับคำตอบทันทีในรูปแบบของการแสดงทางจอภาพหรือรายงาน
3.การบำรุงรักษาฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลขององค์กรต้องการการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลมาจากรายการเปลี่ยนแปลงใหม่หรือเหตุการณ์อื่นๆ
4.การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
โปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สามารถใช้ภาษาโปรแกรมยุกต์ที่สี่และสร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์จากโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูล
ประเภทของฐานข้อมูล
-ฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ เก็บรายระเอียดของข้อมูลที่ต้องการเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของทั้งองค์กร เรียก ฐานข้อมูลซับเจ๊กแอเรีย
-ฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์ เก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
-คลังข้อมูล เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แกไข จัดมาตรฐานและรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ
-ฐานข้อมูลแบบกระจาย หลายองค์กรทำซ้ำและกระจายสำเนาหรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่ ฐานข้อมูล สามารถติดตั้งอยู่บนเครื่องแม่ข่ายเครือข่าย www
-ฐานข้อมูลผู้ใช้ ประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง
-ฐานข้อมูลภายนอก การเข้าสารสนเทศที่มีค่าของฐานข้อมูลภายนอกจากพาณิชย์บริการต่อรอง โดยจ่ายค่าธรรมเนียมหรือจากแหล่งต่างๆ บทอินทราเน็ต บน www
การพิจารณาเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรข้อมูล
1.การบริหารระบบฐานข้อมูล เป็นสิ่งที่สำคัญในการจัดการทรัพยากรข้อมูลในการใช้เทคโนโลยีจัดการฐานข้อมูลที่เหมาะสม
2.การวางแผนข้อมูล เป็นการวางแผนขององค์กรและการวิเคราะห์หน้าที่ที่เน้นในเรื่องการจัดการทรัพยากรข้อมูล
3.การบริหารข้อมูล เป็นหน้าที่สำคัญของการจัดการทรัพยากรข้อมูลอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดตั้งและบังคับใช้นโยบายและกระบวนคำสั่งสำหรับการจัดการข้อมูล
ประโยชน์และข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูล
เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ที่สำคัญๆ เช่น การลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล การรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเข้าถึงจากหลายโปรแกรมและหลายผู้ใช้ โปรแกรมอิสระจากรูปแบบข้อมูลและประเภทของฮาร์ดแวร์สำหรับจัดเก็บ ผู้ใช้ได้รับรายงานและการสอบถาม การโต้ตอบ เพื่อได้สารสนเทศที่ต้องการโดยง่าย
ข้อจำกัดของการจัดการฐานข้อมูลเพิ่มขึ้นเนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่มากขึ้น ดังนั้น ทำให้เกินปัญหาจัดการทรัพยากรข้อมูล การพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประเภทข้อมูลที่ซับซ้อนและการติดตั้ง DBMS ที่ยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
โครงสร้างฐานข้อมูล
1.โครงสร้างเชิงลำดับขั้น ความสัมพันธ์ระหว่างระเบียนเป็นแบบหนึ่งต่อกลุ่ม เพราะแต่ละส่วนย่อยข้อมูลมีความสัมพันธ์กับส่วนย่อยเหนือขึ้นไปเท่านั้น ข้อมูลส่วนย่อยหรือระเบียนที่ระดับสูงที่สุดเรียกว่า ราก
2.โครงสร้างแบบเครือข่าย สามารถแสดงด้วยความสัมพันธ์เชิงตรรกะที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและยังคงใช้โปรแกรมสำเร็จรูป DBMS บนเมนเฟรม ซึ่งอนุญาตความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
3.โครงสร้างเชิงสัมพันธ์ นิยมมากที่สุดมีการนำมาใช้กับโปรแกรมสำเร็จรูป DBMSไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ และระบบเมนเฟรมในแบบจำลองเชิงสัมพันธ์นั้นส่วนย่อยข้อมูลทั้งหมดภายในฐานข้อมูลถูกจัดเก็บ ในรูปแบบตารางที่เรียบง่าย
4.โครงสร้างเชิงหลายมิติ มีความแตกต่างจากแบบจำลองเชิงสัมพันธ์คือใช้โครงสร้างเชิงหลายมิติเพื่อจัดระเบียบข้อมูลและแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล
5.โครงสร้างเชิงวัตถุ แบบจำลองฐานข้อมูลเชิงวัตถุ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญของยุคใหม่ของโปรแกรมประยุกต์สื่อประสมเชิงเว็บ
เทคโนโลยีเชิงวัตถุและเว็บ
การเข้าถึงฐานข้อมูล
-เขตข้อมูลหลัก การที่ระเบียนข้อมูลบรรจุเขตข้อมูลที่เป็นตัวระบุความแตกต่างหนึ่งหรือมากกว่าเป็นกุญแจเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของระเบียน
-การเข้าถึงโดยลำดับ ใช้การจัดระเบียบแบบตามลำดับ ซึ่งระเบียนแบบตามลำดับ ซึ่งระเยนนั้นจัดเก็บทางกายภาพตามลำดับที่กำหนดของเขตข้อมูลหลักแต่ละระเบียน
-การเข้าถึงโดยตรง ระเบียนจะไม่ต้องมีการจัดเรียงตามลำดับในสื่อหน่วยเก็บ โดยคอมพิวเตอร์ยังคงจัดเก็บแนวตำแหน่งบนหน่วยจัดเก็บของแต่ละระเบียนโดยวิธีโดยตรง
การพัฒนาฐานข้อมูล ขนาดเล็กกระทำได้โดยใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลสำเร็จรูปไมโครคอมพิวเตอร์สำหรับการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประเภทข้อมูลที่ซับซ้อนอาจเป็นงานที่ซับซ้อนได้
ส่งโดยนางสาวมนนัทธ์ สายแก้ว บกจ. 3/1
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)